วันเสาร์ที่ 6 มีนาคม พ.ศ. 2553

ทางช้างเผือก

กาแล็กซีทางช้างเผือกกาแล็กซี (Galaxy) หรือ ดาราจักร หมายถึง อาณาจักรของดาว กาแล็กซีหนึ่งๆ ประกอบด้วยก๊าซ ฝุ่น และดาวฤกษ์หลายพันล้านดวง กาแล็กซีมีขนาดใหญ่หมื่นล้านถึงแสนล้านปีแสง “ทางช้างเผือก” เป็นกาแล็กซีของเรามีขนาดประมาณหนึ่งแสนปีแสง เนื่องจากโลกของเราอยู่ภายในทางช้างเผือก (ภาพที่ 1) การศึกษาโครงสร้างของทางช้างเผือก จำต้องศึกษาจากภายในออกมา การศึกษากาแล็กซีอื่นๆ จึงช่วยให้เราเข้าใจกาแล็กซีของตัวเองมากขึ้น
[You must be registered and logged in to see this image.]ภาพที่ 1 ทางช้างเผือกแต่โบราณมนุษย์เข้าใจว่า ทางช้างเผือกเป็นปรากฏการณ์ภายในบรรยากาศโลกเช่นเดียวกับเมฆ หมอก รุ้งกินน้ำ จนกระทั่งคริสต์ศตวรรษที่ 18 ได้มีการสร้างกล้องโทรทรรศน์ขนาดใหญ่จึงทราบว่า ทางช้างเผือกประกอบด้วยดวงดาวมากมาย เซอร์ วิลเลียม เฮอร์เชล (ผู้ค้นพบดาวยูเรนัส) ทำการสำรวจความหนาแน่นของดาวบนท้องฟ้าและให้ความเห็นว่า ดวงอาทิตย์อยู่ตรงใจกลางของทางช้างเผือก ศตวรรษต่อมา ฮาร์โลว์ แชพลีย์ ทำการวัดระยะทางของ กระจุกดาวทรงกลมซึ่งห่อหุ้มกาแล็กซี โดยใช้ความสัมพันธ์คาบ-กำลังส่องสว่างของดาวแปรแสงแบบ RR Lyrae ที่อยู่ในกระจุกดาวทรงกลมทั้งหลาย เขาพบว่ากระจุกดาวเหล่านี้อยู่ห่างจากโลกนับหมื่นปีแสง รอบล้อมส่วนป่องของกาแล็กซี ดังนั้นดวงอาทิตย์ไม่น่าจะอยู่ตรงใจกลางของทางช้างเผือก
[You must be registered and logged in to see this image.]ภาพที่ 2 โครงสร้างของกาแล็กซีทางช้างเผือก กาแล็กซีทางช้างเผือก (The Milky Way Galaxy) เป็นกาแล็กซีแบบกังหัน มีดาวประมาณแสนล้านดวง มวลรวมประมาณ 9 หมื่นล้านเท่าของมวลดวงอาทิตย์ แบ่งเป็น 3 ส่วน ดังนี้
1.
จาน (Disk) ประกอบด้วยแขนของกาแล็กซี มีขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางประมาณ 100,000 ปีแสง หนาประมาณ 1,000 – 2,000 ปีแสง มีดาวฤกษ์ประมาณ 400,000 ล้านดวง องค์ประกอบหลักเป็นฝุ่น ก๊าซ และประชากรดาวประเภทหนึ่ง (Population I) ซึ่งมีสเปคตรัมของโลหะอยู่มาก
2.
ส่วนโป่ง (Bulge) คือบริเวณใจกลางของกาแล็กซี มีขนาดประมาณ 6,000 ปีแสง มีฝุ่นและก๊าซเพียงเล็กน้อย องค์ประกอบหลัก เป็นประชากรดาวประเภทหนึ่งที่เก่าแก่ และประชากรดาวประเภทสอง (Population II) ซึ่งเป็นดาวเก่าแก่แต่มีโลหะเพียงเล็กน้อย
3.
เฮโล (Halo) อยู่ล้อมรอบส่วนโป่งของกาแล็กซี มีองค์ประกอบหลักเป็น “กระจุกดาวทรงกลม” (Global Cluster) จำนวนมาก แต่ละกระจุกประกอบด้วยดาวฤกษ์นับล้านดวง ล้วนเป็นประชากรดาวประเภทสอง นักดาราศาสตร์สันนิษฐานว่า กระจุกดาวทรงกลมเป็นโครงสร้างเก่าของกาแล็กซี เพราะมันโคจรขึ้นลงผ่านส่วนโป่งของกาแล็กซี การศึกษาทางช้างเผือกทำจากด้านในออกไป จึงยากที่จะเข้าใจภาพรวมว่า กาแล็กซีของเรามีรูปร่างหน้าตาอย่างไร ประกอบกับระนาบของทางช้างเผือกหนาแน่นไปด้วยดาว ฝุ่น และก๊าซ เป็นอุปสรรคกีดขวางการสังเกตการณ์ว่า อีกด้านหนึ่งของกาแล็กซีเป็นอย่างไร อุปกรณ์ที่ใช้ศึกษาโครงสร้างของกาแล็กซีได้ดีที่สุดก็คือ กล้องโทรทรรศน์อินฟราเรด (ภาพที่ 3) เพราะว่าใช้คลื่นยาวซึ่งสามารถเดินทางผ่านกลุ่มก๊าซและฝุ่นได้
[You must be registered and logged in to see this image.] ภาพที่ 3 ภาพถ่ายอินฟราเรดของกาแล็กซีทางช้างเผือก ปัจจุบันเชื่อกันว่า ดวงอาทิตย์อยู่ห่างจากศูนย์กลางของกาแล็กซีประมาณ 30,000 ปีแสง และหมุนรอบศูนย์กลางไปตามแขนนายพราน ด้วยความเร็ว 220 km ต่อวินาที หนึ่งรอบใช้เวลา 240 ล้านปี ดวงอาทิตย์มีอายุ 4,600 ล้านปี จึงโคจรรอบกาแล็กซีมาแล้วเกือบ 20 รอบ นักดาราศาสตร์ใช้กฎเคปเลอร์ข้อที่ 3 คำนวณหามวลรวมของทางช้างเผือกภายในวงโคจรของดวงอาทิตย์ได้ 9 x 1010 เท่าของดวงอาทิตย์ จากนั้นทำการตรวจวัดมวลของกาแล็กซีด้านนอกของวงโคจรดวงอาทิตย์เพิ่มเติม โดยใช้กล้องโทรทรรศน์วิทยุ พบว่า มวลทั้งหมดของกาแล็กซีทางช้างเผือกควรจะเป็น 6 x 1011 เท่าของดวงอาทิตย์ ในจำนวนนี้เป็นดาวฤกษ์ ดาวเคราะห์ ก๊าซ และฝุ่น ที่สังเกตได้โดยตรงด้วยแสงเพียง 10% ฉะนั้นมวลสารส่วนใหญ่ของกาแล็กซีอีก 90% เป็นสิ่งที่ไม่สามารถมองเห็นได้ซึ่งอาจจะเป็น หลุมดำขนาดเล็ก ดาวที่เย็นมาก หรืออนุภาคขนาดเล็กจำนวนมาก นักดาราศาสตร์จึงเรียกวัตถุเหล่านี้โดยรวมว่า “สสารมืด” (Dark Matter) ่ แขนกังหันของกาแล็กซีทางช้างเผือกประกอบด้วย ฝุ่น ก๊าซ และดาวอายุน้อยอุณหภูมิสูง สเปกตรัม O และ B ซึ่งทำให้มองดูสว่างเป็นสีน้ำเงินกว่าบริเวณโดยรอบ แขนกังหันของมันทำหน้าที่เหมือนไม้กวาด ปัดรวบรวม ดาว ฝุ่น และก๊าซ ไว้ด้วยกัน ทำให้เกิดคลื่นความหนาแน่น กระตุ้นให้เกิดการก่อตัวของดาวดวงใหม่ ดังที่แสดงในภาพที่ 4

เหล็กไหล

เหล็กไหลเป็นโลหะธาตุที่มีความลี้ลับพิสดาร แปลกประหลาดมหัศจรรย์แตกต่างไปจากโลหะธาตุทั้งปวง จึงได้ถูกจัดอยู่ในฐานะ “ธาตุกายสิทธิ์” ที่มีชีวิตจิตวิญญาณ ซึ่งเป็นไปตามวิบากของกฎแห่งกรรม ที่บันดาลให้วิญญาณในสังสารวัฏมาปฏิสนธิ ในสภาวะที่เป็นโลหะธาตุที่ศักดิ์สิทธิ์มี อิทธิฤทธิ์เหนือธรรมชาติทั่วไป ดังนั้น “เหล็กไหล” จึงถือเสมือนหนึ่งเป็น “สัตว์โลกที่มีชีวิต” เผ่าพันธุ์หนึ่งในโลก เพราะเหล็กไหลมีทั้งตัวผู้และตัวเมีย สามารถเคลื่อนไหวได้ เสพบริโภคน้ำผึ้งเป็นอาหาร มีการขับถ่ายออกมาได้ ซึ่งเรียกกันว่า “ขี้เหล็กไหล” นอกจากนี้ยังสามารถเสพกามได้ แต่เป็นการเสพกามกันทางกระแสจิตวิญญาณ เพราะเพียงแต่มีความรู้สึกใคร่ในกามารมณ์ ก็สามารถบรรลุจุดสุดยอดได้ในทันที โดยไม่ ต้องมีการถูกต้องสัมผัสกัน และชอบพักผ่อนหลับนอนในสถานที่สงบตามถ้ำเหล็กไหลจึงจัดเป็นสัตว์ที่ประเสริฐเผ่าพันธุ์หนึ่งของโลก จัดอยู่ในจำพวกเทพ แต่เป็นเทพที่ มาชดใช้วิบากกรรมในโลกมนุษย์ ดังนั้นจึงทำให้มีพวก ยักษ์ คนธรรพ์ ครุฑ นาค คอยให้ความอารักขาอีกทีหนึ่ง เหล็กไหลจึงมีถิ่นกำเนิด และบารมีที่แตกต่างกันไป ตามเผ่าพันธุ์และวรรณะ ซึ่งเป็นลักษณะเฉพาะ และสมมุติเรียกหาเพื่อให้เห็นความแตกต่างชัดเจนขึ้นเท่านั้น เช่น
1.เหล็กไหลโกฏิปี เป็นเหล็กไหลที่หาได้ยากมาก สีปีกแมลงทับ จะออกเขียวเข้มหรือฟ้าสดใส หรือเปลี่ยนเป็นสีท้องปลาไหล เป็นเงามันวาวเนียนละเอียด เพราะถ้าเคยเห็นปีกแมลงทับ คงจะสังเกตเห็นสีสันดังกล่าวที่ประกอบไปด้วยสีสองสี สวยงาม ชอบอยู่ในถ้ำที่ลี้ลับลึกลับและสงบวิเวก เพื่อบำเพ็ญฌานเหมือนฤาษีที่มีอายุยืนหมื่น ๆ ปี มีความเย็นเหมือนน้ำในฤดูหนาว กล่าวกันว่าเป็นเหล็กไหลที่เกิดจากมหาฤาษีในยุคต้น ๆ เป็นผู้สร้างไว้มีอำนาจทำลายอาถรรพณ์เวทย์ทุกชนิดให้สูญสิ้นเป็นสุญญตา ใครฝังติดตัวไว้รับรองไม่มีตายโหง ซ้ำยังเรียกเงินเรียกทองให้ไหลมาเนืองนอง เป็นเศรษฐีมหาเศรษฐี มีเสน่ห์ เมตตามหานิยม เข้าไปในสถานที่ใดมีแต่คนชอบรักใคร่ นอกจากนี้ยังป้องกันคุณไสยที่เขาทำมา ให้ตี กลับไปหาผู้ทำถึงชักดิ้นชักงอตายเอาง่าย ๆ ชอบดูดกินน้ำผึ้งและเล่นกับไฟ ล่องหนหายตัวได้ ใครได้ครอบครองจะมีอายุไม่ต่ำกว่าร้อยปี ถ้าบำเพ็ญฌาณ เช่น ฤาษี มุณี ที่ชอบบำเพ็ญธรรมอยู่ในป่า จะทำให้อายุ ยืนถึงหมื่นปี โกฏิปี
2.เหล็กไหลไพร เป็นเหล็กไหลที่พอหาได้โดยไม่ยากลำบาก สีดำสนิทหรือเทาดำ เนื้อค่อนข้างหยาบไม่มันวาว ยืดได้หดได้ ชอบเล่นกับไฟ แต่ถ้าทำหลุดมือตกลงสู่พื้นดินจะหายวับไปทันที คล้ายกับปรอทสำเร็จที่ถูกพวกยักษ์หรือคนธรรพ์ผู้รักษาช่วงชิงกลับไป ดีเด่นทางเมตตาโชคลาภ แคล้วคลาดกันภัย เกิดจากเทพในระดับต่ำลงมาใช้กรรม มีทั้งที่ แม่เหล็กดูดติดและแม่เหล็กดูดไม่ติด ขึ้นอยู่กับถิ่นกำเนิดและแร่ธาตุ ในบริเวณดังกล่าว ถ้ามีธาตุเหล็กมาก ก็จะติดแม่เหล็ก
3.เหล็กไหลเงินยวง เป็นเหล็กไหลที่หาได้ค่อนข้างยาก สีขาวขุ่นเป็นมันเลื่อม สีเหมือนเงินยวง พบได้ตามถ้ำที่มีอากาศค่อนข้างหนาวเย็น มีคุณธรรมทางด้านเมตตามหานิยม คงกระพันชาตรี แคล้วคลาดและล่องหนหายตัวได้ ชอบช่วยเหลือผู้ปฏิบัติธรรม หรือดลจิตดลใจของผู้ครอบครองเหล็กไหลนี้ตั้งมั่นอยู่ในการสร้างบุญกุศล เกิดจากเทพในระดับ “อรูปฌาณ” ที่มีบารมีธรรมสูงเป็นผู้ครอบครองเหล็กไหลประเภทนี้ มักจะอยู่ในครอบครองของพวกนักบวชต่าง ๆ
4.โคตรเหล็กไหล (เหล็กไหลงอกหรือเหล็กทรหด) เป็นเหล็กไหลที่มีปรากฏอยู่ค่อนข้างมาก สีดำสนิทเป็นมันเลื่อมเมื่อกระทบแสงสว่าง ผิวค่อนข้างละเอียด แม่เหล็กดูดไม่ติดพบเห็นได้ตามถ้ำที่ ลึกลับ เกิดจากเทพที่มาใช้วิบากกรรมในโลกนี้ จึงมีพวกเทพที่เป็นยักษ์ หรือ คนธรรพ์คอยให้ความอารักขา ไม่ยืดหรือหดได้อีก แม่เหล็กดูดไม่ติด แต่ชอบกินน้ำผึ้ง สามารถงอกโตขึ้นเอง บางทีหากเจ้าของบูชาให้ดี จะเปลี่ยนเป็นสีดำอมเขียว ไปจนถึงเป็นสี รุ้ง ๗ สี ดีทั้งเมตตา โชคลาภ แคล้วคลาดกันภัย มหาอุด คงกระพันถอนพิษสัตว์เขี้ยวงาต่าง ๆ งอกขึ้นอยู่ตามพื้นถ้ำและผนังถ้ำที่มีความชื้นและเย็นพอสมควร สามารถนำมาแกะหรือเจียรนัยเป็นเครื่องรางหรือรูปวัตถุ มงคลตามต้องการ
5.เหล็กไหลย้อย เป็นเหล็กไหลที่ปรากฏอยู่ค่อนข้างมาก สีออกดำหรือเทาดำ ด้านไม่มีแวว เปราะและกรอบเหมือนเหล็กผุ เป็นเหล็กไหลที่ตายซากแล้ว ไหลย้อยอยู่ในซอกถ้ำที่ลี้ลับ ลักษณะแข็งกรอบ ยาวเป็นศอกเป็นคืบเป็นวา ไม่ยืดหรือหดได้อีก ไม่กินน้ำผึ้ง แม่เหล็กไม่ดูด เกิดจากได้มีการเคลื่อนย้ายแหล่งหาน้ำผึ้งไปในสถานที่ ใหม่ซึ่งอยู่ห่างไกลออกไปมาก ธาตุขันธ์เดิมจึงถูกทิ้งไว้ เหมือนไม่มี ชีวิตจิตวิญญาณ คือเหลือแต่ซากนั่นเอง บางทีมีอสูรกายชอบถือโอกาสเข้าแอบแฝงอาศัยอยู่ เกจิอาจารย์ที่มีกฤตยาคมสูงสำเร็จอัปปนาสมาธิพลังจิตแก่กล้า มักจะนำมาปลุกเสกให้เกิดอานุภาพ เมตตามหานิยม แคล้วคลาดคงกระพัน จนถึงมหาอุดเลยที เดียว แต่ถ้านำมาหลอมละลายด้วยไฟอาคมจะกลายเป็นของเหลวสีดำมันวาวเหมือนนิล หล่อหลอมเป็นพระพุทธรูป เครื่องรางต่าง ๆ ได้ดี มี อานุภาพทางโชคลาภ แคล้วคลาดคงกระพันชาตรี ทำลายอาถรรพณ์ทุกชนิด หากบูชาให้ดีจะเปลี่ยนเป็นสีต่าง ๆ ได้หลายสีตามบารมีของผู้บูชา
6.เหล็กไหลเพลิง เป็นเหล็กไหลที่พอหาได้ไม่ยาก พบอยู่ในถ้ำต่าง ๆ หลายแห่ง ฝังตัวเองอยู่ตามเพดานและผนังถ้ำที่มีลักษณะเหมือนผงฝุ่นละเอียด ออกสีแดงหรือน้ำตาล องค์ขนาดเมล็ดถั่วเขียวหรือใหญ่กว่า หากลองอธิษฐานจิตจับดูจะรู้สึกว่าร้อนเหมือนไฟ เชื่อว่าสามารถแสดงภาพมายาหลอกหลอน ทำให้ศัตรูตกใจกลัวได้
7.เหล็กไหลตาน้ำ เป็นเหล็กไหลที่หาได้ยาก มีรูปพรรณสัณฐานสีเขียวปนดำเป็นมันด้าน ลักษณะทรงกลมหรือรูปหยดน้ำ ขนาดเล็กกว่าถั่วเขียวเล็กน้อย ชอบเกาะอยู่ตามตาน้ำในซอกหินภายในถ้ำที่ลึกลับอาถรรพ์ การค้นหานอกจากวิชาอาคมแล้วยังต้องสังเกตตามตาน้ำที่ไหลผ่านบริเวณหินผาที่มีตะไคร่น้ำเกาะอยู่มาก ๆ ต้องค่อย ๆ เอามือแหวกหาดูจึงจะพบ
8.เหล็กไหลเศรษฐี เป็นเหล็กไหลที่หาได้ยากมาก อาศัยอยู่ภายในถ้ำใต้น้ำ มี ลักษณะเป็นผงเกล็ดสีดำเงามันระยิบระยับ เหมือนกับเพชรต้องแสงไฟ ไหลออกมาตามธารน้ำในฤดูน้ำหลาก เชื่อกันว่าเป็นของชาวบาดาล บันดาลโชคลาภให้แก่ผู้บูชา
9.เหล็กเปียก เป็นเหล็กไหลที่หาได้ยากมาก รูปพรรณสัณฐาน สีขาวขุ่นเหมือนตะกั่ว นับเป็นโลหะธาตุที่มีเนื้อเปียกชุ่มชื้นอยู่ตลอดเวลา คล้าย ๆ กับน้ำค้างจับเกาะ เข้าไปอยู่ในสถานที่ใดก็จะเกิดบรรยากาศเย็นสบาย ถ้าอยู่ใกล้ลูกปืนอาจทำให้กระสุนด้านเพราะการแผ่รังสีความเย็นของเหล็กเปียก สมัยโบราณนิยมใช้เหล็กเปียกประดับไว้ที่ ยอดพระเจดีย์ ป้องกันฟ้าผ่า มีอานุภาพทางหนังเหนียว คงกระพันอาวุธทุกชนิด
10.ขี้เหล็กไหล มักจะปรากฏอยู่ในถ้ำหรือบริเวณที่มีเหล็กไหล เหมือนกับมูลหรือการขับถ่ายของเสียจากเหล็กไหล ลักษณะเป็นก้อนกลม ๆ สี ออกดำบ้าง น้ำตาลบ้าง ไม่สามารถยืดได้หดได้ แม่เหล็กดูดไม่ติด หากครูบาอาจารย์ผู้ทรงฌาน ทำพิธีกรรมให้ถูกต้อง เฉกเช่นวัตถุ มงคลที่ถูกปลุกเสก ก็จะมีอานุภาพตามที่ ประสงค์
11.เหล็กไหลนาคราช หรือ เหล็กไหลบาดาล มักปรากฏอยู่ในลำแม่น้ำใหญ่ที่มีภูเขาสลับซับซ้อน เช่น แม่น้ำโขง แม่น้ำแยงซีเกียง แม่น้ำคงคา เป็นต้น เพราะต้นน้ำเหล่านี้มาจากภูเขาสูงที่ศักดิ์สิทธิ์ ลักษณะคล้ายก้อนหินมันเงาเป็นเลื่อม สีดำเหมือนนิล แม่เหล็กดูดติดเชื่อว่าป้องกันพิษสัตว์เขี้ยวงา แคล้วคลาด คงกระพัน
12.เพชรหน้าทั่ง จัดอยู่ในจำพวกธาตุกายสิทธิ์คล้ายเหล็กไหล พบได้ตามถ้ำบนเขาเจ็ดร้อยยอด จ.พัทลุง ลักษณะเป็นโลหะผลึก 4 เหลี่ยม สีเหลืองนวลออกขาวคล้าย “แสตนเลส” ฝังตัวอยู่ในก้อนหิน เล็กบ้างใหญ่ บ้าง บางคนเรียก “เหล็กสายฟ้า” อยู่ในตระกูล “อัญมณี” ประกอบด้วยธาตุที่เป็นทองคำและแร่เงินผสมอยู่ด้วยกัน สีจึงออกเหลืองนวลอมทอง อมเงิน และหากโดนปฏิกิริยาทางเคมีก็จะกลายเป็นสีทอง มีฤทธิ์อำนาจในตนเองด้วยจิตวิญญาณอันศักดิ์สิทธิ์ที่อยู่ภายในธาตุโลหะนั้น โบราณเชื่อกันว่า เพชรหน้าทั่ง เป็นธาตุกายสิทธิ์ที่จะทำให้ ผู้ที่เป็นเจ้าของเกิดความร่ำรวย มักจะอยู่ในเขตที่มีสายแร่ทองคำภายใต้ภูเขาลูกนั้น
13.เหล็กหลบ จัดอยู่ในประเภทธาตุกายสิทธิ์คล้ายเหล็กไหล พบได้ตามแม่น้ำสายสำคัญของประเทศ เกิดจากการหมุนวนของแม่น้ำที่พัดพาเอาแร่ธาตุต่าง ๆ มารวมกันทับทมทวีจนเกิดการจับตัวเป็นก้อนกลม สีดำเป็นมัน สีเขียวอมดำ สีเปลือกมังคุดหรือน้ำตาลไหม้ สีทองดอกบวบ ไม่ชอบเล่นไฟหรือกินน้ำผึ้ง ปืนยิงออกแต่ไม่ถูก เด่นทางแคล้วคลาดกันภัยจากอันตรายรอบด้าน เช่น มีดรุมแทงก็จะไม่ถูก รังสีเหล็กหลบจะทำให้แฉลบออกไป หรือพกเหล็กหลบเข้าใต้ต้นพุดทรา แล้วเขย่าให้ลูกหล่นลงมา ก็จะไม่ถูกตัว
14.สะเก็ดดาว เหล็กไหลจากต่างดาว เชื่อกันว่ามีพลังมหัศจรรย์หลายอย่างแฝงอยู่ ในอุกกามณี เกิดจากการระเบิดของดวงดาวจากนอกโลกที่ผ่านบรรยากาศแล้วเกิดการลุกไหม้ก่อนตกลง สู่พื้นโลก มีขนาดตั้งแต่ขนาดก้อนกรวด จนใหญ่ขนาดก้อนหิน 10 กิโลกรัม ไม่กินน้ำผึ้ง หรือชอบเล่นไฟ แต่ดีเด่นทั้งด้าน เมตตา โชคลาภ แคล้วคลาด กันภัย
15.แก่นไม้หิน จัดอยู่ในตระกูล "พญาเหล็ก" คือไม้กลายเป็นหิน ฝรั่งเรียกว่า “ฟอสซิล” จัดอยู่ในลูกหลานว่านเครือของเหล็กไหล เชื่อกันว่าเป็นที่ลงทัณฑ์ เหล่าอสูรเทพที่ดุร้าย เหมือนการ “เข้ากรรม” เสวยกรรมในโลกมนุษย์ เพื่อไถ่บาป 1 พุทธันดร มีตบะเดชะทางด้านมหาอำนาจ แคล้วคลาดกันภัย เมตตาโชคลาภ กันพิษ
16.ข้าวตอกพระร่วง จัดอยู่ในตระกูล “พญาเหล็ก” ชนิดหนึ่ง มีลักษณะเป็นผลึกรูปสี่เหลี่ยมเล็กใหญ่คล้ายโลหะสีน้ำตาลฝังตัวอยู่ใต้พื้นดินในเขต จังหวัดสุโขทัย ถ้านำมาขัดก็จะเปลี่ยนเป็นสีดำเหมือนนิลแวววาว ตามตำนานที่เล่าขานสืบทอดกันมาแต่ยุคสุโขทัย เมื่อพระร่วงเจ้าได้ออกผนวชในวันใส่บาตรเทโว บนลานวัดเขาพระบาทใหญ่ เมื่อฉันภัตตาหารเสร็จแล้ว ท่านได้โปรยข้าวที่เหลือจากก้นบาตรลงบนลานวัด แล้วอธิษฐานว่า ให้ข้าวตอกดอกไม้นี้กลายเป็นหินชนิดหนึ่ง และมีอายุยืนนานชั่วลูกชั่วหลาน เมื่อใครได้บูชาบนหิ้งพระหรือพกติดตัวก็จะอยู่ดีมีสุขและเจริญด้วยโภคทรัพย์นานาประการ ใช้ฝนน้ำมะนาวถอนพิษสัตว์เขี้ยวงาทุกชนิด อมไว้ในปากทำให้ชุ่มชื่นคอ

โรคเอดส์

HIV / Aids คืออะไร
. Aids หมายถึงอะไรเอดส์ หรือ Aids (Acquired Immune Deficiency Syndrome) หมายถึงกลุ่มอาการของโรคที่เกิดจากการติดเชื้อไวรัสเอชไอวี ซึ่งจะเข้าไปทำลายเม็ดเลือดขาว เป็นผลให้ภูมิคุ้มกันของร่างกายต่ำกว่าปกติ ทำให้ติดเชื้อโรคฉวยโอกาสต่างๆ เช่น วัณโรค ปอดบวม หรือ เป็นมะเร็งบางชนิดได้ง่ายกว่าคนปกติ
HIV หมายถึงอะไรHIV หรือ Human Immunodeficiency Virus หมายถึง เชื้อไวรัสเอชไอวี ซึ่งสามารถแบ่งตัวในเซลล์ของคน เช่น เม็ดเลือดขาว เซลล์สมอง เมื่อติดเชื้อร่างกายจะสร้างภูมิต้านทานเชื้อไวรัสแต่ไม่สามารถกำจัดให้หมดเชื้อยังคงอยู่ในเม็ดเลือดและแพร่ต่อไปได้และจะทำลายเม็ดเลือดขาว ซี่งมีความสำคัญอย่างยิ่งในการควบคุมระบบภูมิคต้านทานของร่างกาย ทำให้ภูมิต้

โรคริดสีดวง

บทนำ
ริดสีดวงทวาร เป็นโรคหนึ่งที่พบได้บ่อยในหมู่คนทั่วไป เกิดจากเส้นเลือดดำขอดที่เกิดขึ้นในบริเวณทวารหนัก ซึ่งอาจเป็นพร้อมกันหลายที่ ถ้าเกิดจากเส้นเลือดดำที่อยู่ใต้ผิวหนังตรงปากทวารหนัก เรียกว่า ริดสีดวงภายนอก ซึ่งอาจมองเห็นจากภายนอกได้ ถ้าเกิดจากเส้นเลือดที่อยู่ลึกเข้าไป เรียกว่า ริดสีดวงภายใน ซึ่งจะตรวจพบ เมื่อใช้เครื่องมือส่องทางทวารหนัก ถ้าเกิดจากเส้นเลือดดำขอดที่เกิดขึ้นพร้อมกันหลายที่ทั้งภายในและภายนอกทวารหนัก เรียกว่า ริดสีดวงทวารทั้งภายในและภายนอก

สาเหตุ
สาเหตุยังไม่ทราบแน่ชัด มักพบในคนที่มีภาวะกดดันต่อเส้นเลือดดำในบริเวณนี้นานๆ เช่น คนที่ท้องผูกเป็นประจำและต้องเบ่งถ่ายนานๆ สตรีที่ตั้งครรภ์ เมื่อมดลูกโตขึ้นโดยเฉพาะในระยะท้ายๆ ของการตั้งครรภ์ มดลูกจะกดทับลงบนลำไส้ใหญ่ การออกแรงเบ่งขณะคลอด รวมถึงคนที่มีน้ำหนักมากหรืออ้วน ตับแข็ง มีก้อนเนื้องอกในท้อง ต่อมลูกหมากโต มะเร็งของลำไส้

อาการ
เริ่มแรกจะมีอาการปวดเบ่ง เจ็บเล็กน้อย ส่วนมากจะมีอาการเลือดออกทางทวารหนัก เป็นเลือดแดงสด เกิดขึ้นขณะถ่ายอุจจาระ มักมีอาการคัน ปวดแสบปวดร้อน เจ็บปวด มีอักเสบ เกิดความระคายเคืองและรู้สึกไม่สบายบริเวณทวารหนัก ถ้ามีเลือดออกมากหรือเรื้องรัง อาจมีอาการซีดได้

คำแนะนำการปฏิบัติตัวของผู้ป่วย
1. ระวังอย่าให้ท้องผูก ควรดื่มน้ำมากๆ และรับประทานผัก ผลไม้ให้มากๆ
2. หลีกเลี่ยงการเบ่งอุจจาระ หรือนั่งส้วมนานๆ
3. หลีกเลี่ยงการยืนนานๆ หรือยกของหนักเกินไป
4. ควรทำความสะอาดรอบๆ ทวารหนักโดยใช้สำลีชุบน้ำเช็ดเบาๆ และล้างบริเวณทวารหนักด้วยน้ำอุ่นให้สะอาดอยู่เสมอ จากนั้นซับให้แห้ง อย่าถูเพราะอาจทำให้เจ็บมากขึ้น ถ้ามีก้อนริดสีดวงทวารยื่นออกมาหลังจากการถ่ายอุจจาระ เมื่อทำความสะอาดเรียบร้อยแล้วให้ใช้ขี้ผึ้งหรือน้ำมัน ทานิ้วมือ แล้วใช้นิ้วดันริดสีดวงทวารที่โผล่ออกมานั้นเบาๆ ให้กลับเข้าไปในช่องทวารหนักตามเดิม
5. ควรพบแพทย์เมื่อ
- มีมูก หรือเลือดปนกับอุจจาระด้วย
- มีอาการคันรุนแรง หรืออาการอื่นๆ ที่รุนแรงจนทำให้ไม่สามารถประกอบกิจวัตรประจำวันเป็นปกติได้
- รู้สึกว่ามีก้อนหนักๆ ถ่วงในบริเวณทวารหนัก
- ใช้ยารักษาโรคริดสีดวงทวารแล้วอาการไม่ดีขึ้นภายใน 7 วัน
- สังเกตว่ามีก้อนยื่นออกมากจากทวารหนัก ซึ่งกดแล้วเจ็บ หรือทำให้เจ็บก่อนหน้า ระหว่าง หรือหลังถ่ายอุจจาระ

นกยูง

นกยูงวงศ์ PHASIANIDAEPavo muticus Linnaeus, 1766
ลักษณะ :
นกจำพวกไก่ฟ้าขนาดใหญ่ ลำตัวยาว 120-210 เซนติเมตร ซึ่งรวมหางนกตัวผู้ที่มีความยาวถึง 100 เซนติเมตรด้วย นกตัวผู้ยังมีหงอนเป็นพู่สูงและมีแผ่นหนังที่หน้าสีฟ้าสลับสีเหลืองเห็นได้ชัดเจน ขนลำตัวมีสีเขียวเป็นประกายแววเหลือบสีน้ำเงินบนปีกและสีทองแดงทางด้านข้างลำตัวดูเป็นลายเกล็ดแพรวพราวไปทั้งตัว ขนปีกบินสีน้ำตาลแดง ขนคลุมโคนหางยื่นยาวออกมาก มีสีเขียวและมีจุดดวงตากลมที่ขลิบด้วยสีฟ้าและสีน้ำเงิน นกตัวเมียลักษณะโดยทั่วไปคล้ายนกตัวผู้ แต่ขนสีเหลือบเขียวน้อยกว่าและมีประสีน้ำตาลเหลืองอยู่ทั่วไป ขนคลุมโคนหางไม่ยื่นยาวดังเช่นในนกตัวผู้
อุปนิสัย:
ออกหากินตามหาดทรายและสันทรายริมลำธารในตอนเช้าตรู่จนกระทั่งถึงตอนบ่ายกินทั้งเมล็ดพืชและสัตว์เล็กๆ แล้วจึงบินกลับมาเกาะนอนอยู่บนยอดไม้สูง ปกติอยู่เป็นฝูงเล็กๆ 2-6 ตัว ยกเว้นในบางบริเวณเช่น เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าห้วยขาแข้ง จังหวัดอุทัยธานี พบนกยูงอยู่รวมกันเป็นฝูงถึง 10 ตัว ฤดูผสมพันธุ์อยู่ในระหว่างเดือนพฤศจิกายนจนถึงเดือนเมษายน ขนคลุมโคนหางของนกตัวผู้จะเจริญเต็มที่ในเดือนตุลาคม และจะผลัดขนนี้ในเดือนกุมภาพันธ์ วางไข่สีขาว 2-5 ฟอง ในรังที่ทำในกอต้นกกหรือต้นอ้อริมลำธาร
ที่อยู่อาศัย :
นกยูงชอบอาศัยอยู่ในป่าดิบแล้งและป่าผลัดใบผสมตามริมลำธารในป่า
เขตแพร่กระจาย :
นกยูงมีเขตแพร่กระจายจากทางเหนือของประเทศอินเดียไปทางทิศตะวันออก ผ่านพม่า ตอนใต้ของประเทศจีน ไทย ลาว เวียดนาม กัมพูชา มาเลเซียและชวา
สถานภาพ:
นกยูงเคยมีชุกชุมทั่วประเทศที่ระดับความสูงต่ำกว่า 900 เมตร ยกเว้นที่ราบลุ่มภาคกลาง ปัจจุบันพอจะพบได้ในบริเวณทิศตะวันตกของประเทศบริเวณจังหวัดตาก อุทัยธานี กาญจนบุรี และยังมีรายงานการพบที่จังหวัดชัยภูมิและจังหวัดสุราษฎร์ธานีอีกด้วย นกยูงจัดเป็นสัตว์ป่าคุ้มครองประเภทที่ 1
สาเหตุของการใกล้สูญพันธุ์:
: การปล่อยให้มีการล่านกยูงโดยเสรีในอดีต และการที่มีผู้ที่นิยมเลี้ยงนกยูงกันเป็นจำนวนมากในระหว่างปี พ.ศ. 2510-2517 ทำให้มีการส่งออกนกยูงออกนอกราชอาณาจักร เฉพาะที่ท่าอากาศยานกรุงเทพมากถึง 626 ตัวนอกจากนี้ความนิยมในการนำขนนกยูงมาทำเป็นเครื่องประดับตกแต่งและเป็นเครื่องหมายแสดงสถานภาพในกลุ่มสังคมของคนบางกลุ่มเป็นเหตุให้นกยูงถูกล่าเป็นจำนวนมากเพียงเพื่อต้องการขน ประกอบกับการทำลายป่าที่อยู่ตามริมลำธารในป่า ก่อให้เกิดความสูญเสียแหล่งหากินและทำรังวางไข่ของนกยูง ทำให้ปัจจุบันนกยูงกลายเป็นสัตว์ที่หาได้ไม่ง่ายนัก
จากหนังสือ : พืชและสัตว์ที่ใกล้จะสูญพันธุ์ในประเทศไทย AngsanaUPC, BrowalliaUPC, CordiaUPC">นกยูงมีเขตแพร่กระจายจากทางเหนือของประเทศอินเดียไปทางทิศตะวันออก ผ่านพม่า ตอนใต้ของประเทศจีน ไทย ลาว เวียดนาม กัมพูชา มาเลเซียและชวา
สถานภาพ:
นกยูงเคยมีชุกชุมทั่วประเทศที่ระดับความสูงต่ำกว่า 900 เมตร ยกเว้นที่ราบลุ่มภาคกลาง ปัจจุบันพอจะพบได้ในบริเวณทิศตะวันตกของประเทศบริเวณจังหวัดตาก อุทัยธานี กาญจนบุรี และยังมีรายงานการพบที่จังหวัดชัยภูมิและจังหวัดสุราษฎร์ธานีอีกด้วย นกยูงจัดเป็นสัตว์ป่าคุ้มครองประเภทที่ 1
สาเหตุของการใกล้สูญพันธุ์:
: การปล่อยให้มีการล่านกยูงโดยเสรีในอดีต และการที่มีผู้ที่นิยมเลี้ยงนกยูงกันเป็นจำนวนมากในระหว่างปี พ.ศ. 2510-2517 ทำให้มีการส่งออกนกยูงออกนอกราชอาณาจักร เฉพาะที่ท่าอากาศยานกรุงเทพมากถึง 626 ตัวนอกจากนี้ความนิยมในการนำขนนกยูงมาทำเป็นเครื่องประดับตกแต่งและเป็นเครื่องหมายแสดงสถานภาพในกลุ่มสังคมของคนบางกลุ่มเป็นเหตุให้นกยูงถูกล่าเป็นจำนวนมากเพียงเพื่อต้องการขน ประกอบกับการทำลายป่าที่อยู่ตามริมลำธารในป่า ก่อให้เกิดความสูญเสียแหล่งหากินและทำรังวางไข่ของนกยูง ทำให้ปัจจุบันนกยูงกลายเป็นสัตว์ที่หาได้ไม่ง่ายนัก
จากหนังสือ : พืชและสัตว์ที่ใกล้จะสูญพันธุ์ในประเทศไทย : พืชและสัตว์ที่ใกล้จะสูญพันธุ์ในประเทศไทย

พอลิเมอร์

พอลิเมอร์ (Polymer) คือ สารประกอบที่มีโมเลกุลขนาดใหญ่ และมีมวลโมเลกุลมากประกอบด้วย หน่วยเล็ก ๆ ของสารที่อาจจะเหมือนกันหรือต่างกันมาเชื่อมต่อกันด้วยพันธะโคเวเลนต์
มอนอเมอร์ (Monomer) คือ หน่วยเล็ก ๆ ของสารในพอลิเมอร์
พอลิเมอร์ แบ่งตามเกณฑ์ต่าง ๆ ดังนี้ แบ่งตามการเกิด
ก. พอลิเมอร์ธรรมชาติ เป็นพอลิเมอร์ที่เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติ เช่น โปรตีน แป้ง เซลลูโลส ยางธรรมชาติ
ข. พอลิเมอร์สังเคราะห์ เป็นพอลิเมอร์ที่เกิดจากการสังเคราะห์เพื่อใช้ประโยชน์ต่าง ๆ เช่น พลาสติก ไนลอน ดาครอนและลูไซต์ แบ่งตามชนิดของมอนอเมอร์ที่เป็นองค์ประกอบ
ก. โฮมอลิเมอร์ เป็นพอลิเมอร์ที่ประกอบด้วยมอนอเมอร์ชนิดเดียวกัน เช่น แป้ง พอลิเอทิลีน PVC
ข. โคพอลิเมอร์ เป็นพอลิเมอร์ที่ประกอบด้วยมอนอเมอร์ต่างชนิดกัน เช่น โปรตีน พอลิเอสเทอร์
โครงสร้างของพอลิเมอร์
ก. พอลิเมอร์แบบเส้น
เป็นพอลิเมอร์ที่เกิดจากมอนอเมอร์สร้างพันธะต่อกันเป็นสายยาว โซ่พอลิเมอร์เรียงชิดกันมากว่าโครงสร้างแบบอื่น ๆ จึงมีความหนาแน่น และจุดหลอมเหลวสูง มีลักษณะแข็ง ขุ่นเหนียวกว่าโครงสร้างอื่นๆ ตัวอย่าง PVC พอลิสไตรีน พอลิเอทิลีน
ข. พอลิเมอร์แบบกิ่ง
เป็นพอลิเมอร์ที่เกิดจากมอนอเมอร์ยึดกันแตกกิ่งก้านสาขา มีทั้งโซ่สั้นและโซ่ยาว กิ่งที่แตกจาก พอลิเมอร์ของโซ่หลัก ทำให้ไม่สามารถจัดเรียงโซ่พอลิเมอร์ให้ชิดกันได้มาก จึงมีความหนาแน่นและจุดหลอมเหลวต่ำยืดหยุ่นได้ ความเหนียวต่ำ โครงสร้างเปลี่ยนรูปได้ง่ายเมื่ออุณหภูมิเพิ่มขึ้น ตัวอย่าง พอลิเอทิลีนชนิดความหนาแน่นต่ำ
ค. พอลิเมอร์แบบร่างแห
เป็นพอลิเมอร์ที่เกิดจากมอนอเมอร์ต่อเชื่อมกันเป็นร่างแห พอลิเมอร์ชนิดนี้มีความแข็งแกร่ง และเปราะหักง่าย ตัวอย่างเบกาไลต์ เมลามีนใช้ทำถ้วยชาม
ปฏิกิริยาพอลิเมอร์ไรเซชัน
พอลิเมอร์ไรเซชัน (Polymerization) คือกระบวนการเกิดสารที่มีโมเลกุลขนาดใหญ่ (พอลิเมอร์) จากสารที่มีโมเลกุลเล็ก (มอนอเมอร์)
ปฏิกิริยาพอลิเมอร์ไรเซชัน
ก. ปฏิกิริยาพอลิเมอร์ไรเซชันแบบเติม
ข. ปฏิกิริยาพอลิเมอร์ไรเซชันแบบควบแน่น
หมายเหตุ พอลิเมอร์บางชนิดเป็นพอลิเมอร์ที่เกิดจากสารอนินทรีย์ เช่น ฟอสฟาซีน ซิลิโคน
แหล่งอ้างอิง: เอกสารประกอบคำบรรยาย วิชาเคมี ของโครงการส่งเสริมความสามารถพิเศษภาคฤดูร้อน Brands's Summer Camp'95 มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์

ลิงวอก

ลิงวอก
สัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม
Rhesus Macaque
ชื่อทางวิทยาศาสตร์: Macaca mulatta
ลักษณะทั่วไป ลำตัวส่วนหลังสีน้ำตาล ส่วนอื่นเป็นสีน้ำตาลเทา หางสั้นประมาณครึ่งหนึ่งของลำตัว โคนหางค่อนข้างใหญ่และเรียวเล็กลงไปทางปลายหาง แต่หางสั้นกว่าลิงแสม ขนบริเวณสองข้างแก้มม้วนวนเป็นก้นหอย ถิ่นอาศัย, อาหาร พนในประเทศไทย พม่า อินเดีย อัสสัม เนปาล อัฟกานิสถาน จีน และอินโดจีน ในประเทศไทยพบทางภาคเหนือ ลิงวอกกินผัก ผลไม้ ใบไม้อ่อน แมลงต่างๆ รวมทั้งสัตว์เล็กๆ เป็นอาหาร พฤติกรรม, การสืบพันธุ์ เป็นลิงที่ชอบอยู่รวมกันเป็นฝูงใหญ่ มีตัวผู้แก่เป็นจ่าฝูง ชอบอยู่ตามป่าที่มีโขดหิน หรือหน้าผาและเป็นป่าที่ค่อนข้างแห้งแล้ง ออกหากินบริเวณใกล้เคียงกับที่อาศัย ชอบลงมาเดินบนพื้นดิน เป็นลิงที่เชื่องและไม่ค่อยกลัวคน ลิงวอกเริ่มผสมพันธุ์ได้เมื่อมีอายุ 3-4 ปี ระยะตั้งท้องนาน 5-7 เดือน ออกลูกครั้งละ 1 ตัว สถานภาพปัจจุบัน เป็นสัตว์ป่าคุ้มครอง ตามพระราชบัญญัติสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พุทธศักราช 2535 สถานที่ชม สวนสัตว์ดุสิต สวนสัตว์เปิดเขาเขียว สวนสัตว์เชียงใหม่ สวนสัตว์นครร

น้ำหอม

น้ำหอม INTUITIONการผสมผสานของกลิ่นหอมแนวตะวันออกอย่างอำพันอันอบอุ่น ให้ความเป็นผู้หญิงที่เย้ายวนใจ อบอุ่น หรูหรา พร้อมกลิ่นหอมสดใสของซิทรัส ช่วยเพิ่มอารมณ์ความรู้สึกให้คุณเป็นผู้หญิงในแบบอินทูอิชั่น น้ำหอมที่สร้างเสน่ห์และบ่งบอกความเป็นผู้หญิง จนใครๆ ก็หลงใหลคอยเฝ้ามองทุกอิริยาบถที่เธอเคลื่อนไหวและคอยฟังทุกและคำพูดของเธอ
น้ำหอม Pleasuresกลิ่นหอมบางเบา เริงร่า มีชีวิตชีวา เรียบง่าย เป็นน้ำหอมในโทนกลิ่นหอมอ่อนๆ แบบ Sheer Floral ของดอกไม้อบอุ่นภายใต้แสงแดดอ่อนบาง ถูกสร้างสรรค์ขึ้นให้เป็นน้ำหอมโทนกลิ่นใหม่ที่เป็นตัวแทนของความสุขและรื่นเริงใจที่เงียบง่าย ในแบบฉบับที่คุณสามารถค้นพบได้ทุกวัน
น้ำหอม Pleasures for menน้ำหอมโทนกลิ่น Woody Fresh ให้ความรู้สึกสดชื่น กระปรี้กระเปร่า รื่นเริงใจ และผ่อนคลาย สร้างสรรค์ขึ้นมาสำหรับสุภาพบุรุษที่มีความสุขกับชีวิตที่เรียบง่าย สันติภาพและความสงบ บรรยากาศเหมือนอยู่ในวันที่อากาศอบอุ่น ท้องฟ้าสวยงามกับผองเพื่อนหรือครอบครัว
น้ำหอม Pleasures Intenseกลิ่นหอมอบอุ่นที่เย้ายวนใจ Lush Floral เปี่ยมไปด้วยเสน่ห์แห่งความเป็นหญิงที่อ่อนหวาน สดใส ให้บรรยากาศของสวนดอกไม้ที่เต็มไปด้วยกลิ่นหอมที่จะทำให้คุณสบายใจและมีความสุขไปตลอดวัน
น้ำหอม Pleasures Delightความหอมดุจขนมหวานของมวลดอกไม้ ผสานผลไม้หวานฉ่ำ กลิ่นส้ม และขนมของหวานที่ยากจะห้ามใจ อีกด้านของความสนุกสนานน่าลิ้มลองจาก pleasures สื่อถึงผู้หญิงผู้ใช้ชีวิตอย่างมีรสชาติ ชอบลิ้มลองหลากรส หลากประสบการณ์ ด้วยส่วนผสมของอาหารน่าทาน ผลทับทิมฉ่ำหวาน ความเขียวสดของดอกฟรีเซียสด และ ผสานรสผลไม้น่าทานของ เมอแรงก์สตอเบอรี่ราดวิปครีม ที่ให้ความหอมน่าลิ้มลอง
น้ำหอม Pleasures Exoticน้ำหอมกลิ่นอบอุ่นแบบเขตร้อน Tropical Floral ที่กรุ่นกลิ่นหอมฉ่ำ ในขณะเดียวกันยังคงความรู้สึกเรียบง่าย สะอาดสดใสและมีความอ่อนหวานของผู้หญิงเช่นเดียวกับ pleasures กลิ่นต้นแบบ แต่สิ่งที่เพิ่มเติมขึ้นมาคือความหอมชุ่มฉ่ำ มีชีวิตชีวา หวานอมเปรี้ยวเหมือนน้ำผลไม้ กลิ่นหอมแห่งความรื่นรมย์
น้ำหอม Pure White Linen Light Breezeการตีความหมายในแนวใหม่ของน้ำหอม White Linen ที่แสนคลาสสิคของเอสเต ลอเดอร์ โดยใช้แรงบันดาลใจจากโทนความหอมหลักของหมู่มวลดอกไม้ของกลิ่นดั้งเดิม ผสานเข้ากับความรู้สึกสดชื่นและโทนกลิ่นของผลไม้ ออกมาเป็น Fresh Floral ให้ความบริสุทธิ์สดชื่น มีชีวิตชีวา
น้ำหอม Beautifulความอ่อนหวาน หรูหรา และโรแมนติก แบบ Floral น้ำหอมที่ให้ความรู้สึกทรงเสน่ห์กับผู้หญิงทุกคนที่ได้สัมผัส ด้วยภาพลักษณ์ของเจ้าสวยแสนสวย เปี่ยมไปด้วยความหวังและความสุขที่ผู้หญิงทุกคนใฝ่ฝันที่จะเป็นอย่างนั้น กลิ่นโรแมนติค ได้มาจากการนำกลิ่นของดอกไม้ถึง 2,000 ชนิดมารวมกัน
น้ำหอม Beyond Paradiseความเปล่งประกาย น่าค้นหา โทนกลิ่น Prismatic Floral อบอวลไปด้วยกลิ่นหอมสดชื่นที่ผสมผสานเข้ากับกลิ่นอบอุ่นได้อย่างลงตัว ด้วยกลิ่นไอแบบร้อนชื้น ความสดชื่นของกลิ่นดอกไม้นานาพรรณ ให้ความรู้สึกของ ดุลยภาพที่กระจ่างใส มีพลัง รู้สึกลึกลับน่าค้นหา เหมือนเป็นสวรรค์ส่วนตัวของคุณแล้ว
น้ำหอม Beyond Paradise Blueมีชีวิตชีวา, โปร่งสบาย, สดใส Beyond Paradise Blue เป็นน้ำหอมที่ได้แรงบันดาลใจจากสีฟ้าจากน้ำทะเลและท้องฟ้า ที่ให้ความสดชื่นและเย็นสบาย แบบ Shimmering Floral ด้วยกลิ่นบางเบาของซีทรัสให้ความรู้สึกชื่นใจ มีชีวิตชีวา, โปร่งสบาย, สดใสและให้ความรู้สึกดื่มด่ำจากส่วนผสมของดอกไม้กลางคืนที่

ฟักทอง

ฟักทอง :pumpkin
ผักผลรูปร่างกลมแป้น มีพูเล็กๆ รอบผลผิวไม่แข็งสีเขียวเข้มอมน้ำเงิน หรืออมเทา ด่างเหลืองเป็นทาง เนื้อสีเหลือง เหลืองอมเขียว หรือส้มเข้ม ตรงกลางพู พรุนมีมเล็ดแบนเป็นจำนวนมาก ชื่อทางวิทยาศาสตร์ Cucurbita moschataDacne. เลือกฟักทองลูกที่มีน้ำหนักมาก ผิวเปลือกขรุขระ เนื้อจะแน่นเป้นมัน
คุณค่าอาหารและสรรพคุณ
เนื้อของฟักทอง อุดมไปด้วยวิตามินเอ ที่สูงถึง 2,458 I.U. และเกลือแร่ชนิดต่างๆ ช่วยบำรุงสายตา บำรุงร่างกาย ชาวยลดอัตราการเสี่ยงการเกิดโรคมะเร็ง ฟักทองมีฤทธิ์ทางยา สามารถกระตุ้นการหลั่งของอินซูลิน ช่วยควบคุม การกระตุ้น ของอินซูลิน ช่วยควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด ป้องกันเบาหวาน โรคความดันโลหิต บำรุงตับและไต

นํ้าฟักทอง
เนื้อฟักทองนึ่งสุกหั่นชิ้น 1 ¼ ถ้วย
นํ้าต้มสุก 3 ½ ถ้วย
นํ้าตาลทราย 6 ช้อนโต้ะ
เกลือป่น 1/8 ช้อนชา
ปั่นเนื้อฟักทองกับน้ำต้มเข้าด้วยกันให้ละเอียด เทใส่หม้อ ยกขึ้นตั้งบนไฟอ่อนให้เดือด ใส่น้ำตาลและเกลือ เคี่ยวจนน้ำตาลละลาย พอเดือดอีกครั้ง ปิดไฟ ยกลง พักไว้ใฟ้เย็น แช่เย็นจนเดือดจัด รินใส่แก้ว ดื่ม หรือใส่น้ำแข็งก็ได้
(จำนวน4 ¼ แก้ว)

น้ำฟักทองโยเกิร์ต
น้ำฟักทอง(ตามสูตร) ½ ถ้วย
โยเกิร์ตรสธรรมชาติ ¼ ถ้วย
ไอศกรีมรสวานิลลา ¼ ถ้วย
นมสดชนิดจืด ¼ ถ้วย
ปั่นส่วนผสมทั้งหมดเข้าด้วยกัน รินใส่แก้ว แช่เย็นอีกครั้งจนเย็น ดื่ม
(จำนวน 1 แก้ว)

ประเทศลาว

ลักษณะภูมิศาสตร์ ในอดีตที่ผ่านมาประเทศลาวมีอาณาเขตกว้างใหญ่ไพศาลมาก แต่ต่อมาภายหลังมาเสียดินแดนบางส่วนให้กับสยาม จนกระทั่งเข้าสู่ยุคปลดปล่อยจากการปกครองของฝรั่งเศส ทำให้ประเทศลาวมีเนื้อที่เหลือเพียง 236,800 ตารางกิโลเมตร พื้นที่ส่วนใหญ่มีลักษณะเป็นเทือกเขาสลับซับซ้อน อันเป็นต้นกำเนิดของแม่น้ำสำคัญถึง 13 สาย ด้วยกัน อาทิเช่น น้ำคาน น้ำงึม น้ำซับ น้ำแบง ฯลฯ แม่น้ำที่สำคัญที่สุดของลาวและเป็นแม่น้ำนานาชาติคือแม่น้ำโขง หรือที่คนลาวเรียกกันว่า แม่น้ำของ ซึ่งบางส่วนของแม่น้ำโขงทางตอนใต้ของประเทศลาวในแขวงจำปาศักดิ์มีความกว้างถึงหนึ่งกิโลเมตร เกิดเป็นน้ำตกขนาดใหญ่ขวางกลางแม่น้ำโขงคือ น้ำตกคอนตะเพ็ง ซึ่งมีความยาวตามลำน้ำเกือบสิบกิโลเมตร และมีความสูงราว 20 เมตร จากนั้นกระแสน้ำจึงไหลเข้าสู่จังหวัดตึงเตรงในประเทศกัมพูชาต่อไป จากเขตแดนลาวมีความยาวทั้งสิ้น 4,500 กิโลเมตร ชายแดนที่ติดกับประเทศไทยมีความยาว 1,730 กิโลเมตร ส่วนใหญ่มีแม่น้ำโขงเป็นเส้นแบ่งเขตแดนทั้งสองประเทศ มีความยาวทั้งสิ้น 1,400 กิโลเมตร มีเทือกเขาที่สูงที่สุดในประเทศ ในแขวงเชียงขวาง ยอดเขาหลายแห่งมีความสูงกว่า 2,000 เมตร ยอดเขาที่สูงที่สุดในประเทศคือ ภูเบี้ย มีความสูงประมาณ 2,820 เมตร• ลักษณะภูมิอากาศ ประเทศลาวตั้งอยู่ในเขตร้อนชื้น ลักษณะทางภูมิศาสตร์มีความแตกต่างกันค่อนข้างมาก ตั้งแต่ภาคกลางจนถึงภาคเหนือในแขวงพงสาลีที่มีเขตแดนอยู่ติดกับประเทศจีน ภูมิประเทศส่วนใหญ่มีลักษณะเป็นเทือกเขาสูงสลับซับซ้อนและที่ราบสูงอากาศค่อนข้างหนาวถึงหนาวจัด ส่วนทางทิศตะวันออกมีลักษณะเป็นเทือกเขาและที่ราบติดกับประเทศเวียดนาม สำหรับทางตอนใต้สุดมีลักษณะเป็นเทือกเขาติดกับประเทศกัมพูชา ประกับกับที่ได้รับอิทธิพลจากลมมรสุมในทะเลจีนใต้ ทำให้ประเทศลาวมีลักษณะทางภูมิอากาศแบ่งออกได้ 3 ฤดู คือ• ฤดูร้อน เริ่มต้นตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ จนถึงเดือนเมษายน• ฤดูฝน เริ่มต้นตั้งแต่เดือนพฤษภาคม จนถึงเดือนตุลาคม• ฤดูหนาว เริ่มต้นตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน จนถึงเดือนมกราคม




• การแบ่งการปกครอง ประเทศลาวแบ่งเขตการปกครองออกเป็น 17 แขวง (จังหวัด) และอีกหนึ่งเขตการปกครองพิเศษ คือ1. นครเวียงจันทน์ (กำแพงเวียงจันทน์) เป็นเขตการปกครองพิเศษคล้ายกรุงเทพฯ2. แขวงเวียงจันทน์ เมืองหลวงคือ เวียงจันทน์3. แขวงหลวงพระบาง เมืองหลวงคือ หลวงพระบาง4. แขวงหลวงน้ำทา เมืองหลวงคือ หลวงน้ำทา5. แขวงอุดมไชย เมืองหลวงคือ เมืองไชยหรืออุดมไชย6. แขวงบ่อแก้ว เมืองหลวงคือ ห้วยทราย7. แขวงพงสาลี เมืองหลวงคือ พงสาลี8. แขวงหัวฝัน เมืองหลวงคือ ซำเหนือ9. แขวงเชียงขวาง เมืองหลวงคือ โพนสะหวัน10. แขวงไชยบุรี เมืองหลวงคือ เมืองไชยบุรี11. แขวงบอลิิคำไซ เมืองหลวงคือ เมืองปากซัน12. แขวงคำม่วน เมืองหลวงคือ เมืองคำบ่วนหรือท่าแขก13. แขวงสะหวันนะเขต เมืองหลวงคือ เมืองสะหวันนะเขต14. แขวงสาละวัน เมืองหลวงคือ เมืองสาละวัน15. แขวงเซกอง เมืองหลวงคือ เมืองเซกอง16. แขวงจำปาศักดิ์ เมืองหลวงคือ เมืองปากเซ17. แขวงอัตปือ เมืองหลวงคือ อัตปือและเขตปกครองพิเศษ คือ ไชยสมบูรณ์








• ศาสนา ประชาชนลาวมากกว่าร้อยละ 90 นับถือศาสนาพุทธนิกายเถรวาท เหมือนกับประชาชนชาวไทยและถือปฏิบัติตามหลักธรรมคำสอนอย่างเคร่งครัด อีก 10% ที่เหลือนับถือศาสนาคริสต์และอิสลาม โดยเฉพาะศาสนาคริสต์ ฝรั่งเศสเจ้าอาณานิคมเข้ามาเผยแพร่ในช่วงที่เข้ามาปกครองประเทศลาว• ภาษา ภาษาประจำชาติคือ ภาษาลาวมีลักษณะใกล้เคียงกับภาษาไทยในภาคอีสานของไทย นอกจากนี้คนลาวบางส่วนยังสามารถใช้ภาษาอังกฤษ และภาษาฝรั่งเศสได้ดี สำหรับประชาชนชาวลาวทางตอนเหนือของประเทศสำเนียงการพูดและความหมายของคำบางคำคล้ายกับภาษาพื้นเมืองในจังหวัดเชียงใหม่ เชียงราย และเลย ทางตอนเหนือของประเทศไทย• ประชากร จากการสำรวจจำนวนประชากรในปีที่ผ่านมา (2544) ประเทศลาวมรจำนวนประชากรทั้งหมด 5.6 ล้านคน ประกอบด้วย 3 ชนชาติใหญ่รวม 68 เผ่า ได้แก่• ลาวลุ่ม หมายถึง ชนเผ่าที่อาศัยอยู่ตามที่ราบลุ่มใกล้แม่น้ำโขง คิดเป็นร้อยละ 70 ของประชากรทั้งหมด เช่น ไทลาว ไทเหนือ ไทแดง ไทขาว ผู้ไท ลาวพวน ไทลื้อ เป็นต้น• ลาวเทิง เป็นกลุ่มชนเผ่าที่อาศัยบนพื้นที่ที่มีความสูงไม่เกิน 1,000 เมตร คิดเป็นประชากรร้อยละ 20 ของประเทศ เช่น สีดา บ่าแวะ ละแนด ฯลฯ• ลาวสูง เป็นประชากรส่วนน้อยอาศัยอยู่บนเทือกเขาสูง ส่วนใหญ่เป็นชาวม้งและเผ่าอื่นๆ เช่น มูเซอ ก่อ กุย เป็นต้น• ระบบเงินตรา สกุลเงินของประเทศลาวคือ กีบ สำหรับเงินกีบที่ใช้กันอย่างแพร่หลายในประเทศลาวส่วนใหญ่จะแบ่งออกเป็นใบละ 1,000 2,000 5,000 10,000 20,000 กีบ (ไม่มีเงินในลักษณะเหรียญกษาปณ์)• ดอกไม้ประจำชาติ ดอกจำปาหรือคนไทยเรียกว่าดอกลั่นทม เป็นต้นไม้ที่สามารถปลูกขึ้นได้เองตามธรรมชาติ

บุหรี่

บุหรี่มีสารประกอบต่างๆ อยู่ประมาณ 4000 ชนิด มีสารก่อมะเร็งไม่ต่ำกว่า 42 ชนิด ซึ่งสารบางชนิดเป็นอันตรายที่สำคัญ คือ
นิโคติน กดประสาทส่วนกลาง มีผลต่อต่อมหมวกไต ทำให้เกิดการหลั่งอิพิเนฟริน ทำให้ความดันโลหิตสูงขึ้น หัวใจ เต้นเร็วกว่าปกติ และไม่เป็นจังหวะ หลอดเลือดที่แขนและขาหดตัว เพิ่มไขมันในเส้นเลือด (ก้นกรองไม่ได้ทำให้ ปริมาณนิโคตินลดลงได้)
ทาร์ หรือน้ำมันดิน สารก่อมะเร็ง เช่น มะเร็งปอด, กล่องเสียง, หลอดลม. หลอดอาหาร, ไต, กระเพาะปัสสาวะ และอื่นๆ ร้อยละ 50 ของน้ำมันดิน จะไปจับที่ปอด เกิดระคายเคือง ทำให้ไอเรื้อรัง มีเสมหะ
คาร์บอนมอนอกไซด์ ทำให้เม็ดเลือดแดงไม่สามารถจับออกซิเจนได้เท่ากับเวลาปกติ เกิดการขาดออกซิเจน ทำให้ มึนงง ตัดสินใจช้า เหนื่อยง่าย ซึ่งเป็นสาเหตุสำคัญของโรคหัวใจ
ไฮโดรเจนไซยาไนด์ ก๊าซพิษ ทำลายเยื่อบุผิวหลอดลมส่วนต้น ทำให้ไอเรื้อรัง มีเสมหะเป็นประจำโดยเฉพาะตอน เช้า
ไนโตรเจนไดออกไซด์ ก๊าซพิษทำลายเยื่อบุหลอดลมส่วนปลาย และถุงลม ทำให้ผนังถุงลมบางโป่งพอง ถุงลมเล็กๆ หลายอันแตก รวมกันเป็นถุงลมใหญ่ ทำให้เกิดโรคถุงลมโป่งพอง
แอมโมเนีย มีฤทธิ์ระคายเคืองเนื้อเยื่อ ทำให้แสบตา แสบจมูก หลอดลมอักเสบ ไอมีเสมหะมาก
สารกัมมันตรังสี ์ ควันบุหรี่มีสารโพโลเนียม 210 ที่มีรังสีอัลฟาอยู่ เป็นสาเหตุของโรคมะเร็งปอด
มะเร็งกล่องเสียง
มะเร็งปอด
ควันบุหรี่มีผลต่อบุคคลข้างเคียง
เด็ก ทำให้เด็กในครอบครัวป่วยด้วยโรคหลอดลมอักเสบ ปอดบวม หอบหืด หูชั้นนอกอักเสบเพิ่มมากขึ้น
หญิงมีครรภ์ น้ำหนักตัวขณะตั้งครรภ์เพิ่มน้อยกว่าปกติและมีโอกาสแท้ง คลอดก่อนกำหนด ตกเลือดระหว่างคลอด และหลังคลอดมากเป็น 2 เท่าของหญิงตั้งครรภ์ที่ไม่สูบบุหรี่ นอกจากนั้นยังทำให้เกิดภาวะรกเกาะต่ำ และรกลอกตัว ก่อนกำหนดมากขึ้น ลูกที่คลอดจากแม่ที่สูบบุหรี่ อาจจะมีน้ำหนักและความยาวน้อยกว่าปกติ พัฒนาการทางด้าน สมองช้ากว่าปกติ อาจมีความผิดปกติทางระบบประสาท, ระบบความจำ
คู่สมรสของผู้สูบบุหรี่ มีโอกาสเป็นมะเร็งปอดมากกว่าคู่สมรสที่ไม่สูบบุหรี่ 2 เท่า มีความเสี่ยงที่จะเป็นโรคหัวใจ 3 เท่า และเสียชีวิตเร็วกว่าปกติถึง 4 ปีคนทั่วไป ควันบุหรี่จะทำให้เกิดอาการเคืองตา ปวดศีรษะ คัดจมูก น้ำมูกไหล โดยเฉพาะผู้ที่มีอาการหอบหืด โรคหัวใจ โรคหลอดลมอักเสบ ก็จะทำให้มีอาการของโรคเพิ่มมากขึ้น
กลยุทธ์รับมือกับอาการอยากบุหรี่
ถ่วงเวลาไว้ DELAY
หายใจลึกๆ ช้า DEEP BREATH
ดื่มน้ำสักแก้ว DRINK WATER
เปลี่ยนอิริยาบถ DO SOMETHING ELSE
ถ่วงเวลา (Delay) เมื่ออยากสูบบุหรี่ อย่าเพิ่งเปิดซองบุหรี่หรือ จุดบุหรี่ เมื่อผ่านไป 5 นาทีผ่านไป ความอยากจะลดลง แล้วความตั้งใจของคุณที่จะเลิกก็จะกลับมา
หายใจลึกๆ ช้าๆ (Deep breathe) หายใจเข้าออกลึกๆ ช้าๆ 3 - 4 ครั้ง
ดื่มน้ำ (Drink water) ค่อยๆจิบน้ำ และ อมไว้สักครู่ให้รู้รสน้ำแล้วจึงกลืนลงคอ
เปลี่ยนอิริยาบถ (Do something else) อย่าคิดเรื่องการสูบบุหรี่ เปลี่ยนอิริยาบถไปทำอย่างอื่นเสีย เช่น ฟังเพลง ไปเดินเล่น หรือ ไปหาเพื่อนฝูง
เพียงมวนเดียวก็ผลร้าย ขอให้ใจแข็ง การกลับไปสูบบุหรี่แม้เพียงมวนเดียวจะเป็นผลทำให้กลับไปสูบใหม่ คุณต้องต่อสู้กับความอยากให้ได้ การเลิกสูบบุหรี่ คือ การต่อสู้กับความอยาก แม้กระทั่งบุหรี่เพียงมวนเดียว และต่อสู้กับจิตใจของคุณเอง
อดเป็นวันๆไป พยายามตั้งใจให้วันผ่านไปโดยไม่สูบบุหรี่ จำบุหรี่มวนแรกของคุณได้ไหม? บางทีอาจจะทำให้คุณเวียนหัวไม่สบาย ก็ได้ ทำดีต่อร่างกายของคุณให้ปรับสภาพได้โดยไม่ต้องมีนิโคติน
เครื่องดื่มชา กาแฟ และเครื่องดื่มประเภทโคล่า เหล่านี้มีคาเฟอีน แต่ไม่มีนิโคติน การที่ไม่มีนิโคตินทำให้ร่างกายดูดซึมคาเฟอีน เข้าไปมากกว่าธรรมดา ทำให้กระวนกระวายและนอนไม่หลับ พยายามดื่มกาแฟให้น้อยลง หรือ ให้อ่อนลงหรือดื่มเครื่องดื่มคล้ายกาแฟ น้ำเปล่า น้ำผลไม้ หรือไดเอ็ดโคล่าที่ไม่คาเฟอีน
เตือนสติตัวเอง เอาเหตุผลที่เลิกบุหรี่ที่เคยจดไว้ออกมาดู และคิดถึงสิ่งที่อยากทำให้ฐานะผู้ไม่สูบบุหรี่
ปฏิเสธบุหรี่จากผู้อื่น อย่าเกรงใจเมื่อผู้อื่นให้บุหรี่คุณ คุณมีสิทธิปฏิเสธบุหรี่โดยไม่ทำให้ใครเดือนร้อน
เมื่อมือว่าง พยายามใช้มือทำโน่นทำนี่อย่าปล่อยให้มือว่าง เอากุญแจมาขยำ หรือนับลูกประคำก็ได้
การสูบบุหรี่กับสิ่งเสพย์ติดอื่นๆ มีรายงานการวิจัยแสดงให้เห็นว่า ผู้ที่เลิกสูบบุหรี่จะไม่สามารถต้านทานความอยากสูบบุหรี่ได้เมื่อดื่มเหล้าเข้าไป เหล้าและสิ่งเสพย์ติดอื่นๆ จะทำให้คุณมีความอดทนต่อความอยากสูบบุหรี่ได้น้อยลง ดังนั้น ขอให้พยายามหลีกเลี่ยง เครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์และสิ่งเสพย์ติดอื่นๆ สัก 2 - 3 สัปดาห์

อุกาบาต

อุกกาบาต (Meteor)
การศึกษาอุกกาบาตช่วยให้มนุษย์ได้สืบค้นถึงประวัติความเป็นมาของโลกดาวเคราะห์ดวงพิเศษสุดที่เราถือกำเนิดและอาศัยกันอยู่ทุกวันนี้ได้ดีขึ้น
ในบางคืนที่ท้องฟ้าปลอดโปร่งแจ่มใส เราอาจเห็นแสงวูบวาบตกลงมาจากฟากฟ้า เรียกกันว่า ดาวตก หรือ ผีพุ่งไต้ แต่ความจริงดาวตกเป็นวัตถุแข็งจำพวกหินหรือเหล็ก ตกเข้าสู่เขต บรรยากาศโลกด้วยความเร็วหลายร้อยกิโลเมตรต่อชั่วโมง แรงเสียดสีกับบรรยากาศทำให้ร้อนจัด หลอมตัวเป็นลูกไฟสว่าง มีควันเป็นทางยาว หากวัตถุชิ้นเล็กจะลุกไหม้สว่างกลายเป็นไอสลายไป หมด แต่บางก้อนที่มีขนาดใหญ่จะมีเสียงดังคล้ายเสียงยิงปืนหรือเสียงฟ้าผ่าเมื่อวิ่งผ่านอากาศตกลงมา และหากสลายตัวไม่หมด มักเหลือซากตกลงถึงพื้นโลก เรียกว่า ลูกอุกกาบาต มีขนาด เล็กใหญ่แตกต่างกัน ตั้งแต่น้ำหนักเพียงไม่กี่กรัมจนถึงก้อนหนึ่งหนักหลาย ๆ ตัน
อุกกาบาต nakhlite
อุกกาบาตเหล็กอานิกฮิโต หนัก 34 ตันตกที่เกาะกรีนแลนด์ เมื่อปี 2440 ตั้งแสดงที่พิพิธภัณฑ์ธรรมชาติวิทยา นิวยอร์ก
อุกกาบาตแบ่งตามลักษณะเนื้อในเป็น 3 แบบ คือ อุกกาบาต ชนิด หิน เหล็ก และ เหล็กปนหิน ส่วนใหญ่ ที่พบเป็นอุกกาบาต ชนิดหิน ก้อนใหญ่ที่สุดในโลก ชื่อ จีหลิง (Jiling) ตกที่อำเภอจีหลิง ประเทศจีน เมื่อ 8 มีนาคม 2519 หนักเกือบ 2,000 กิโลกรัม ส่วนอุกกาบาตชนิดเหล็ก ก้อนใหญ่สุดที่ค้นพบคือ โฮบา เวสท์ (Hoba West) ปริมาตรราว 9 ลูกบาศก์เมตร หนักประมาณ 66 ตันตกกลางป่า ในอัฟริกาตะวันออกเฉียงใต้
อุกกาบาตชนิดหินส่วนใหญ่มีลักษณะเหมือนหินบนโลก และมักสลายตัวเพราะลมฟ้าอากาศ ผู้เชี่ยวชาญเท่านั้นที่จะบอกได้ว่าเป็นลูกอุกกาบาต การวิเคราะห์ทำได้โดยตัดผิวอุกกาบาตให้เรียบ ขัดมันแล้วใช้กรดอย่างอ่อนกัด พบโครงสร้างรูปผลึกปรากฏเห็นชัดบนผิวเรียบนั้น ซึ่งเป็นลักษณะ เฉพาะตัวของอุกกาบาต
อุกกาบาตขนาดใหญ่ที่พุ่งชนโลกอย่างแรง ทำให้เกิดหลุมลึกบนพื้นโลกเรียกว่า เครเตอร์ หลุมอุกกาบาตใหญ่ที่สุดบนโลก คือ หลุมแบริงเยอร์ ในรัฐอะริโซนา สหรัฐอเมริกา คาดว่า เกิดจากอุกกาบาตชนิดเหล็กหนักถึง 1 ล้านตัน เส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ 30 เมตร ตกกระแทก พื้นโลกเป็นหลุมมหึมา ปากหลุมกว้าง 1,200 เมตร ลึก 170 เมตร ความลึกเท่ากับตึกสูง 40 ชั้นทีเดียว หลุมแบริงเยอร์อายุประมาณ 22,000 ปี (ดังรูปซ้ายมือ)
ฝนดาวตกลีโอนิดส์
อุกกาบาต nakhlite
โครงสร้างภายในของอุกกาบาตจากดาวอังคาร
อุกกาบาตตกในประเทศไทย - ลูกอุกกาบาตนครปฐม ตกที่ตำบลดอนยายหอม เมื่อวันที่ 21 ธันวาคม 2466 แตกเป็น 2ก้อนใหญ่ น้ำหนักรวม 32 กิโลกรัม เป็นอุกกาบาตชนิดเนื้อหิน ตั้งแสดงอยู่ที่ท้องฟ้าจำลองกรุงเทพ
- ลูกอุกกาบาตเชียงคาน ตกที่อำเภอเชียงคาน จังหวัดเลย เมื่อวันที่ 17 พฤศจิกายน 2524 เป็นอุกกาบาตชนิดเนื้อหิน สันนิษฐานว่าน่าจะเป็นวัตถุจากกระแสธารอุกกาบาต ที่เป็นซากเหลือจาก ดาวหางเทมเพล (Tempel ) ที่โลกโคจรตัดผ่านธารอุกกาบาตในช่วงนั้น เป็นประจำทุกปี จึงทำให้เกิดเป็น ฝนดาวตก หรือ ฝนอุกกาบาต ให้เห็นในระยะนั้น มีสมมุติฐานอธิบายกำเนิดของอุกกาบาต ว่าน่าจะมาจากแถบของดาวเคราะห์น้อยที่อยู่ระหว่าง วงโคจรของดาวอังคารกับดาวพฤหัสบดี หรืออาจ มาจากดาวหางที่โคจรอยู่ในระบบสุริยะ นอกจากนั้นยังพบอุกกาบาตบางก้อนมีองค์ประกอบ เช่นเดียวกับหินจากดวงจันทร์และหินจาก ดาวอังคารด้วย
อุกกาบาตเป็นวัตถุฟากฟ้าที่สำคัญยิ่งในทางดาราศาสตร์ เพราะนอกจากโลกของเราแล้ว อุกกาบาตเป็นสมาชิกในระบบ สุริยะที่ตกผ่านเข้ามาบนโลกให้มนุษย์ได้มีโอกาสจับต้อง และศึกษาค้นคว้าได้โดยตรง
การตรวจสอบพบว่าลูกอุกกาบาตส่วนใหญ่ประกอบด้วยเหล็ก นิเกิล และแร่ธาตุที่ตรวจพบได้บนโลก จึงสรุปได้ว่าสมาชิก ของระบบสุริยะทั้งปวงประกอบขึ้นจากวัตถุชนิดเดียวกันและเมื่อสืบค้นถึงอายุของลูกอุกกาบาต โดยการตรวจสารกัมมันตรังสี พบว่าลูกอุกกาบาต มีอายุเก่าแก่พอ ๆ กับอายุของโลก
การศึกษาลูกอุกกาบาตจึงจะช่วยให้มนุษย์ได้สืบค้นถึงประวัติความเป็นมาของโลก ดาวเคราะห์ ดวงพิเศษสุดที่เราถือกำเนิดและอาศัยกันอยู่ทุกวันนี้ได้ดีขึ้น

กัญชา

กัญชา (Cannabis)
กัญชาเป็นพืชล้มลุกจำพวกหญ้าขึ้นได้ง่ายในเขตร้อน ลำต้นสูงประมาณ 2-4 ฟุต ลักษณะใบจะแยกออกเป็นแฉกประมาณ 5-8 แฉก คล้ายใบมันสำปะหลังที่ขอบใบทุกใบจะมีรอยหยักอยู่เป็นระยะๆ ออกดอกเป็นช่อเล็กๆ ตามง่ามของกิ่งและก้าน ส่วนที่คนนำมาเสพได้แก่ส่วนของกิ่ง ก้าน ใบ และยอดช่อดอกกัญชา โดยนำมาตากหรืออบแห้ง แล้วบดหรือหั่นให้เป็นผงหยาบๆ จากนั้นจึงนำมายัดไส้บุหรี่สูบ (แตกต่างจากบุหรี่ทั่วไปที่ไส้บุหรี่จะมีสีเขียว ต่างจากไส้ยาสูบที่มีสีน้ำตาล และขณะจุดสูบจะมีกลิ่นเหมือนหญ้าแห้งไหม้ไฟ) หรืออาจสูบด้วยกล้องหรือบ้องกัญชา บ้างก็ใช้เคี้ยวหรือผสมลงในอาหารรับประทาน ปัจจุบันรูปแบบของกัญชาที่พบ นอกจากจะพบในลักษณะของกัญชาสด กัญชาแห้งอัดเป็นแท่งเป็นก้อนแล้ว ยังอาจพบในรูปของ “น้ำมันกัญชา” (Hashish Oil) ซึ่งมีลักษณะเป็นของเหลวสีน้ำตาลเข้มหรือสีดำ ได้จากการนำกัญชามาผ่านกระบวนการสกัดหลายๆ ครั้ง จึงได้เป็นนำมันกัญชาที่มีปริมาณสารออกฤทธิ์ต่อจิตประสาทสูงถึง 20-60% หรืออาจพบในลักษณะของ “ยางกัญชา” (Hashish) เป็นยางแห้งที่ได้จากใบ และยอดช่อดอกกัญชา ซึ่งโดยทั่วไปจะมีฤทธิ์แรงกว่ากัญชาสด และมีปริมาณสารออกฤทธิ์ต่อจิตประสาท ประมาณ 4-8%
กัญชาเป็นยาเสพติดให้โทษ ที่ออกฤทธิ์หลายอย่างต่อระบบประสาทส่วนกลาง คือ ทั้งกระตุ้นประสาท กดและหลอนประสาท สารออกฤทธิ์ที่อยู่ในกัญชามีหลายชนิด แต่สารที่สำคัญที่สุดที่มีฤทธิ์ต่อสมองและทำให้ร่างกาย อารมณ์ และจิตใจเปลี่ยนแปลงไป คือ เตตราไฮโดรแคนนาบินอล (Tetrahydrocannabinol) หรือ THC ที่มีอยู่มากในส่วนของยอดช่อดอกกัญชา สาร THC นี้ในเบื้องต้นจะออกฤทธิ์กระตุ้นประสาท ทำให้ผู้เสพตื่นเต้น ช่างพูด และหัวเราะตลอดเวลา ต่อมาจะกดประสาท ทำให้ผู้เสพมีอาการคล้ายเมาเหล้าอย่างอ่อน ๆ เซื่องซึม และง่วงนอน หากเสพเข้าไปในปริมาณมากๆ จะหลอนประสาททำให้เห็นภาพลวงตา หูแว่ว ความคิดสับสน ควบคุมตนเองไม่ได้
อาการผู้เสพ :อารมณ์อ่อนไหวเปลี่ยนแปลง ความคิดเลื่อนลอยสับสน ความคุมตัวเองไม่ได้ ไม่สนใจสิ่งแวดล้อม ความจำเสื่อม กล้ามเนื้อลีบ หัวใจเต้นเร็ว หูแว่ว
โทษที่ได้รับ :หลายคนคิดว่าการเสพกัญชานั้น ไม่มีโทษภัยร้ายแรงมากนัก แต่จากการศึกษาวิจัย พบว่า กัญชาเป็นยาเสพติดอีกชนิดหนึ่ง ที่มีอันตรายร้ายแรงต่อสุขภาพมากเกินกว่าที่คาดคิด อาทิเช่น
ทำลายสมรรถภาพทางกาย ผู้เสพกัญชาในปริมาณมาก ๆ เป็นระยะเวลานาน ๆ จะทำให้ร่างกายเสื่อมโทรม จนไม่สามารถประกอบกิจการงานใด ๆ ได้ โดยเฉพาะงานที่ต้องใช้แรงงาน ความคิด และการตัดสินใจ รวมทั้งจะมีลักษณะ Amotivation Syndrome คือ การหมดแรงจูงใจของชีวิต จะไม่คิดทำอะไรเลย อยากอยู่เฉย ๆ ไปวัน ๆ ซึ่งมีผลกระทบต่อการดำเนินชีวิต และการทำงานเป็นอย่างมาก
ทำลายระบบภูมิคุ้มกันของร่างกาย การเสพติดกัญชามีผลร้าย คล้ายกับการติดเชื้อเอดส์ (HIV) กล่าวคือ กัญชาจะทำให้ระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายทำงานเสื่อมลง หรือบกพร่อง ร่างกายจะอ่อนแอและติดเชื้อโรคต่าง ๆ ได้ง่าย
ทำลายสมอง การเสพกัญชาแม้เพียงในระยะสั้น ทำให้ผู้เสพบางรายสูญเสียความทรงจำ เพราะฤทธิ์ของกัญชาจะทำให้สมองและความจำเสื่อม เกิดความสับสน วิตกกังวล และหากผู้เสพเป็นผู้มีอาการของโรคจิตเภท หรือป่วยเป็นโรคซึมเศร้า จะมีความเสี่ยงที่จะเกิดอาการรุนแรงมากกว่าคนปกติทั่วไป
ทำให้เกิดมะเร็งปอด เนื่องจากผู้เสพจะอัดควันกัญชาเข้าไปในปอดลึก นานหลายวินาที การสูบบุหรี่ยัดไส้กัญชาเพียง 4 มวน ซึ่งเท่ากับการสูบบุหรี่ 1 ซอง หรือ 20 มวนนั้น สามารถทำลายการทำงานของระบบทางเดินหายใจ ทำให้มีความเสี่ยงต่อการเกิดโรคมะเร็ง ได้มากกว่าคนสูบบุหรี่ธรรมดาถึง 5 เท่า และในกัญชายังมีสารเคมีที่เป็นอันตราย สามารถทำให้เกิดโรคมะเร็งได้
ทำร้ายทารกในครรภ์ กัญชาจะทำลายโครโมโซม ฉะนั้นหญิงที่เสพกัญชาในระยะตั้งครรภ์ ทารกที่เกิดมาจะพิการ มีความผิดปกติทางร่างกาย เช่น ความผิดปกติของเซลส์ประสาทในสมอง ความผิดปกติของฮอร์โมนเพศและพันธุกรรม
ทำลายความรู้สึกทางเพศ กัญชาจะทำให้ระดับฮอร์โมนเทสโทสเตอโรนในชายลดลง ทำให้ปริมาณอสุจิน้อยลง ทั้งยังพบว่า ผู้เสพติดกัญชามักกลายเป็นคนขาดสมรรถภาพทางเพศ
ทำลายสุขภาพจิต ฤทธิ์ของกัญชาจะทำให้ผู้เสพมีอาการเลื่อนลอย ฝันเฟื่อง ความคิดสับสน และมีอาการประสาทหลอน จนควบคุมตนเองไม่ได้ ซึ่งถ้าเสพเป็นระยะเวลานาน จะทำให้มีอาการจิตเสื่อม

มังกร

มังกร (อังกฤษ: dragon, จากละติน: draco) เป็นสัตว์วิเศษที่รู้จักกันในวรรณคดี มีรูปร่างลักษณะจัดอยู่ในประเภทสัตว์เลื้อยคลานหรืองู
ในตำนานยุโรป มังกรเป็นสัตว์อันตรายและน่าสะพรึงกลัวสำหรับมนุษย์ มังกรจึงเป็นศัตรูตัวฉกาจของเหล่าวีรบุรุษทั้งหลาย การฆ่ามังกรและขึ้นเถลิงราชย์เป็นกษัตริย์. มังกรจึงกลายเป็นสัญลักษณ์ของกษัตริย์ ทั้งที่มีตัวตนจริง ๆ และในตำนานต่าง ๆ เช่น กษัตริย์อาเธอร์ ซึ่งมีนามสกุลว่า Pendragon มีความหมายว่า 'ศีรษะของมังกร' หรือ 'หัวหน้ามังกร' และมงกุฎของกษัตริย์อาเธอร์ ก็เป็นรูปมังกร.
เราพบมังกรได้ง่ายและบ่อยมาก ไม่ว่าจะเป็นในตำนานของทางยุโรปหรือเอเชียก็ตาม เรียกว่าที่ใดมีอารยธรรมและตำนาน ที่นั่นก็ต้องมีมังกรเป็นของคู่กัน. มังกรนั้นมีรูปร่างและลักษณะหลายอย่าง แตกต่างไปตามความเชื่อของแต่ละท้องถิ่น แต่โดยทั่ว ๆ ไปแล้วจะมีจุดเด่นคือ เป็นสัตว์ขนาดใหญ่ ร่างกายใหญ่โต มีพละกำลังมาก บางครั้งอาจพ่นไฟได้ หรือมีอำนาจเวทมนตร์มหาศาล และที่สำคัญคือ บินได้ (อาจจะมีปีกหรือไม่มีก็ได้) โดยขนาดรูปร่างและสีนั้น ก็แตกต่างกันไป
อย่างไรก็ตาม มังกรที่พบในตำนานของทางยุโรปและของทางเอเชียนั้น ค่อนข้างจะแตกต่างกันในแง่สัญลักษณ์ โดยเฉพาะคติของจีนที่มักจะถือว่า มังกรนั้นคือเทพเจ้า และเป็นสัญลักษณ์ของความเป็นมงคล รวมถึงเป็นสัญลักษณ์ของจักรพรรดิ (ซึ่งเป็นสมมติเทพ) แต่ทางยุโรปนั้นมักจะถือมังกรเป็นสัญลักษณ์ของความชั่วร้าย (อันเป็นคติที่สืบทอดมาจากความหวาดกลัวงูของชาวยุโรป).

ภาวะโลกร้อน

หมายถึง การที่อุณหภูมิเฉลี่ยของอากาศบนโลกสูงขึ้น ไม่ว่าจะเป็นอากาศบริเวณใกล้ผิวโลกและน้ำในมหาสมุทร ในช่วง 100 ปีที่ผ่านมาอุณหภูมิเฉลี่ยของโลกสูงขึ้นถึง 0.74 ± 0.18 องศาเซลเซียส และจากแบบจำลองการคาดคะเนภูมิอากาศพบว่าในปี พ.ศ. 2544 – 2643 อุณหภูมิเฉลี่ยของโลกจะเพิ่มขึ้นถึง 1.1 ถึง 6.4 องศาเซลเซียส
สาเหตุที่ทำให้เกิดภาวะโลกร้อนก็เพราะว่าก๊าซเรือนกระจกที่เพิ่มขึ้นจากการทำกิจกรรมต่างๆของมนุษย์ ไม่ว่าจะเป็นการเผาผลาญถ่านหินและเชื้อเพลิง รวมไปถึงสารเคมีที่มีส่วนผสมของก๊าซเรือนกระจกที่มนุษย์ใช้ และอื่นๆอีกมากมาย จึงทำให้ก๊าซเรือนกระจกเหล่านี้ลอยขึ้นไปรวมตัวกันอยู่บนชั้นบรรยากาศของโลก ทำให้รังสีของดวงอาทิตย์ที่ควรจะสะท้อนกลับออกไปในปริมาณที่เหมาะสม กลับถูกก๊าซเรือนกระจกเหล่านี้กักเก็บไว้ ทำให้อุณหภูมิของโลกค่อยๆสูงขึ้นจากเดิม
ผลกระทบของภาวะโลกร้อนนั้นก็มีให้เราเห็นกันอยู่บ่อยๆ สภาพลมฟ้าอากาศที่ผิดแปลกไปจากเดิม ภัยธรรมชาติที่รุนแรงมากขึ้น น้ำท่วม แผ่นดินไหว พายุที่รุนแรง อากาศที่ร้อนผิดปกติจนมีคนเสียชีวิต รวมไปถึงโรคระบาดชนิดใหม่ๆ หรือโรคระบาดที่เคยหายไปจากโลกนี้แล้วก็กลับมาให้เราได้เห็นใหม่ และพาหะนำโรคที่เพิ่มจำนวนมากขึ้น
ในอนาคตคาดว่าผลกระทบของภาวะโลกร้อนจะรุนแรงมากขึ้นเรื่อยๆ เราสามารถช่วยกันลดภาวะโลกร้อนได้หลายวิธี หลักๆก็เห็นจะเป็นการใช้พลังงานอย่างคุ้มค่าและประหยัด เพราะว่าพลังงานที่พวกเราใช้กันอยู่ทุกวันนี้กว่าจะมาถึงให้เราได้ใช้นั้น ต้องผ่านกระบวนการขั้นตอนในการผลิตมากมาย และแต่ละขั้นตอนก็จะทำให้เกิดก๊าซเรือนกระจกขึ้นมา เพราะฉะนั้นการลดใช้พลังงานก็เป็นอีกวิธีหนึ่งที่จะช่วยลดภาวะโลกร้อนได้ เช่น การปิดไฟเมื่อไม่ได้ใช้ การใช้น้ำอย่างประหยัด การใช้จักรยานแทนรถยนต์ในการเดินทางใกล้ๆ และอื่นๆอีกมากมาย
การปลูกต้นไม้ก็เป็นวิธีหนึ่งที่จะช่วยลดภาวะโลกร้อนได้ อย่างที่เรารู้กันดีว่าในเวลากลางวัน ต้นไม้นั้นจะช่วยหายใจเอาก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์เข้าไป และหายใจออกมาเป็นก๊าซออกซิเจน เปรียบเสมือนเครื่องฟอกอากาศให้กับโลกของเราโดยแท้ แต่ทว่าปัจจุบันป่าไม้ถูกทำลายและมีจำนวนลดลงไปอย่างมาก ฉะนั้นถ้าเราทุกคนช่วยกันปลูกต้นไม้ ก็เหมือนกับช่วยเพิ่มเครื่องฟอกอากาศให้กับโลกของเรา
บทความภาวะโลกร้อนอื่นๆ
ภาวะโลกร้อนจะทำให้กรุงเทพจมทะเล
ภาวะโลกร้อนกับก๊าซมีเทนใต้น้ำแข็ง
ลดภาวะโลกร้อน
ภาวะโลกร้อน
กินเนื้อทำให้เกิดภาวะโลกร้อน!!
ภาวะโลกร้อน กับ ปรากฏการณ์เรือนกระจก
ปรากฏการณ์เกาะร้อน (Urban Heat island)
วิธีลดภาวะโลกร้อน
ภาวะโลกร้อน กับ โรงเรียน
ลดภาวะโลกร้อนฤดูหนาว
ภาวะโลกร้อน กับ ขยะ
ถุงผ้า กับ ภาวะโลกร้อน
ลดใช้ถุงพลาสติก ลดภาวะโลกร้อน
แปรงฟันแบบช่วยลดภาวะโลกร้อน
การชาร์จแบตมือถือแบบช่วยลดภาวะโลกร้อน
กินอย่างไรช่วยลดภาวะโลกร้อน
เลือกซื้อตู้เย็นแบบช่วยลดภาวะโลกร้อน
ลดภาวะโลกร้อนโดยการประหยัดไฟ
ลดภาวะโลกร้อนกับกระดาษทิชชู
วิธีลดภาวะโลกร้อน
ผลกระทบของภาวะโลกร้อน
ภาวะโลกร้อน กับ ยุงลาย
ภาวะโลกร้อน กับ หมีขั้วโลก
ภาวะโลกร้อน กับ นกเพนกวิน
100 สถานที่ ที่น่าจดจำก่อนจะหายไปจากโลก – 100places.com
เกาะมัลดีฟส์จะหายไปเพราะภาวะโลกร้อน

ยาเสพติด

ความรู้เรื่องยาเสพติด
๑. ความหมายของยาเสพติด ยาเสพติด หมายถึง สารใดก็ตามที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติ หรือสารที่สังเคราะห์ขึ้น เมี่อนำเข้าสู้ร่างกายไม่ว่าจะโดยวิธีรับประทาน ดม สูบ ฉีด หรือด้วยวิธีการใด ๆ แล้ว ทำให้เกิดผลต่อร่างกายและจิตใจ นอกจากนี้ยังจะทำให้เกิดการเสพติดได้ หากใช้สารนั้นเป็นประจำทุกวัน หรือวันละหลาย ๆ ครั้ง ลักษณะสำคัญของสารเสพติด จะทำให้เกิดอาการ และอาการแสดงต่อผู้เสพดังนี้ ๑. เกิดอาการดื้อยา หรือต้านยา และเมื่อติดแล้ว ต้องการใช้สารนั้นในประมาณมากขึ้น ๒. เกิดอาการขาดยา ถอนยา หรืออยากยา เมื่อใช้สารนั้นเท่าเดิม ลดลง หรือหยุดใช้ ๓. มีความต้องการเสพทั้งทางร่างกายและจิตใจ อย่างรุนแรงตลอดเวลา ๔. สุขภาพร่างกายทรุดโทรมลง เกิดโทษต่อตนเอง ครอบครัว ผู้อื่น ตลอดจนสังคม และประเทศชาติ ๒. ประเภทของยาเสพติด ยาเสพติด แบ่งได้หลายรูปแบบ ตามลักษณะต่าง ๆ ดังนี้
ฝิ่น
เอ๊กซ์ตาซี ๑. แบ่งตามแหล่งที่เกิด ซึ่งจะแบ่งออกเป็น ๒ ประเภท คือ ๑.๑ ยาเสพติดธรรมชาติ (Natural Drugs) คือยาเสพติดที่ผลิตมาจากพืช เช่น ฝิ่น กระท่อม กัญชา เป็นต้น
เฮโรอีน
ยาบ้า ๑.๒ ยาเสพติดสังเคราะห์ (Synthetic Drugs) คือยาเสพติดที่ผลิตขึ้นด้วยกรรมวิธีทางเคมี เช่น เฮโรอีน แอมเฟตามีน เป็นต้น ๒. แบ่งตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ.๒๕๒๒ ซึ่งจะแบ่งออกเป็น ๕ ประเภท คือ ๒.๑ ยาเสพติดให้โทษ ประเภทที่ ๑ ได้แก่ เฮโรอีน แอลเอสดี แอมเฟตามีน หรือยาบ้า ยาอีหรือยาเลิฟ ๒.๒ ยาเสพติดให้โทษ ประเภทที่ ๒ ยาเสพติดประเภทนี้สามารถนำมาใช้เพื่อประโยชน์ทางการแพทย์ได้ แต่ต้องใช้ภายใต้การควบคุมของแพทย์ และใช้เฉพาะกรณีที่จำเป็นเท่านั้น ได้แก่ ฝิ่น มอร์ฟีน โคเคน หรือโคคาอีน โคเคอีน และเมทาโดน ๒.๓ ยาเสพติดให้โทษ ประเภทที่ ๓ ยาเสพติดประเภทนี้เป็นยาเสพติดให้โทษที่มียาเสพติดประเภทที่ ๒ ผสมอยู่ด้วย มีประโยชน์ทางการแพทย์ การนำไปใช้เพื่อจุดประสงค์อื่น หรือเพื่อเสพติด จะมีบทลงโทษกำกับไว้ ยาเสพติดประเภทนี้ ได้แก่ ยาแก้ไอ ที่มีตัวยาโคเคอีน ยาแก้ท้องเสีย ที่มีฝิ่นผสมอยู่ด้วย ยาฉีดระงับปวดต่าง ๆ เช่น มอร์ฟีน เพทิดีน ซึ่งสกัดมาจากฝิ่น ๒.๔ ยาเสพติดให้โทษ ประเภทที่ ๔ คือสารเคมีที่ใช้ในการผลิตยาเสพติดให้โทษ ประเภทที่ ๑ หรือประเภทที่ ๒ ยาเสพติดประเภทนี้ไม่มีการนำมาใช้ประโยชน์ในการบำบัดโรคแต่อย่างใด และมีบทลงโทษกำกับไว้ด้วย ได้แก่น้ำยาอะเซติคแอนไฮไดรย์ และ อะเซติลคลอไรด์ ซึ่งใช้ในการเปลี่ยนมอร์ฟีนเป็นเฮโรอีน สารคลอซูไดอีเฟครีน สามารถใช้ในการผลิตยาบ้าได้ และวัตถุออกฤทธิ์ต่อจิตประสาทอีก ๑๒ ชนิด ที่สามารถนำมาผลิตยาอีและยาบ้าได้
ผสมผสาน
เห็ดขี้ควาย ๒.๕ ยาเสพติดให้โทษประเภทที่ ๕ เป็นยาเสพติดให้โทษที่มิได้เข้าข่ายอยู่ในยาเสพติดประเภทที่ ๑ ถึง ๔ ได้แก่ ทุกส่วนของพืชกัญชา ทุกส่วนของพืชกระท่อม เห็ดขี้ควาย เป็นต้น ๓. แบ่งตามการออกฤทธิ์ต่อจิตประสาท ซึ่งแบ่งออกเป็น ๔ ประเภท คือ ๓.๑ ยาเสพติดประเภทกดประสาท ได้แก่ ฝิ่น มอร์ฟีน เฮโรอีน สารระเหย และยากล่อมประสาท ๓.๒ ยาเสพติดประเภทกระตุ้นประสาท ได้แก่ แอมเฟตามีน กระท่อม และ โคคาอีน ๓.๓ ยาเสพติดประเภทหลอนประสาท ได้แก่ แอลเอสดี ดีเอ็มพี และ เห็ดขี้ควาย ๓.๔ ยาเสพติดประเภทออกฤทธิ์ผสมผสาน กล่าวคือ อาจกดกระตุ้น หรือ หลอนประสาทได้พร้อม ๆ กัน ตัวอย่างเช่น กัญชา ๔. แบ่งตามองค์การอนามัยโลก ซึ่งแบ่งออกได้เป็น ๙ ประเภท คือ ๔.๑ ประเภทฝิ่น หรือ มอร์ฟีน รวมทั้งยาที่มีฤทธิ์คล้ายมอร์ฟีน ได้แก่ ฝิ่น มอร์ฟีน เฮโรอีน เพทิดีน ๔.๒ ประเภทยาปิทูเรท รวมทั้งยาที่มีฤทธิ์ทำนองเดียวกัน ได้แก่ เซโคบาร์ปิตาล อะโมบาร์ปิตาล พาราลดีไฮด์ เมโปรบาเมท ไดอาซีแพม เป็นต้น ๔.๓ ประเภทแอลกอฮอล ได้แก่ เหล้า เบียร์ วิสกี้ ๔.๔ ประเภทแอมเฟตามีน ได้แก่ แอมเฟตามีน เมทแอมเฟตามีน ๔.๕ ประเภทโคเคน ได้แก่ โคเคน ใบโคคา ๔.๖ ประเภทกัญชา ได้แก่ ใบกัญชา ยางกัญชา ๔.๗ ประเภทใบกระท่อม ๔.๘ ประเภทหลอนประสาท ได้แก่ แอลเอสดี ดีเอ็นที เมสตาลีน เมลัดมอนิ่งกลอรี่ ต้นลำโพง เห็ดเมาบางชนิด ๔.๙ ประเภทอื่น ๆ นอกเหนือจาก ๘ ประเภทข้างต้น ได้แก่ สารระเหยต่าง ๆ เช่น ทินเนอร์ เบนซิน น้ำยาล้างเล็บ ยาแก้ปวด และบุหรี่ ๓. วิธีการเสพยาเสพติด กระทำได้หลายวิธี ดังนี้คือ ๓.๑ สอดใต้หนังตา ๓.๒ สูบ ๓.๓ ดม ๓.๔ รับประทานเข้าไป ๓.๕ อมไว้ใต้ลิ้น ๓.๖ ฉีดเข้าเหงือก ๓.๗ ฉีดเข้าเส้นเลือด ๓.๘ ฉีดเข้ากล้ามเนื้อ ๓.๙ เหน็บทางทวารหนัก ๔. ยาเสพติดที่แพร่ระบาดในประเทศไทย ได้แก่ ๔.๑ ยาบ้า ๔.๒ ยาอี ยาเลิฟ หรือ เอ็กซ์ตาซี ๔.๓ ยาเค ๔.๔ โคเคน ๔.๕ เฮโรอีน ๔.๖ กัญชา ๔.๗ สารระเหย ๔.๘ แอลเอสดี ๔.๙ ฝิ่น ๔.๑๐ มอร์ฟีน ๔.๑๑ กระท่อม ๔.๑๒ เห็ดขี้ควาย ๕. สาเหตุของการติดยาเสพติด มีหลายประการ ดังนี้คือ ๕.๑ อยากลอง อยากรู้ อยากเห็น อยากสัมผัส ซึ่งเป็นสัญชาตญาณอย่างหนึ่งของมนุษย์ โดยคิดว่า "ไม่ติด" แต่เมื่อลองเสพเข้าไปแล้วมักจะติด ๕.๒ ถูกเพื่อนชักชวน ส่วนใหญ่พบในกลุ่มเยาวชน ทำตามเพื่อน เพราะต้องการ การยอมรับจากเพื่อนฝูง หรือถูกชักจูงว่าใช้แล้วทำให้สมองปลอดโปร่ง หรือใช้แล้วทำให้ขยันจึงเหมาะแก่การเรียน และการทำงาน ๕.๓ ถูกหลอกลวง โดยอาศัยรูปแบบสีสันสวยงาม ทำให้ผู้รับไม่อาจทราบได้ว่า สิ่งที่ตนได้รับเป็นยาเสพติด ๕.๔ ใช้เพื่อลดความเจ็บปวดทางกาย อันเนื่องมาจากโรคภัยไข้เจ็บ จนเกิดการติดยา เพราะใช้เป็นประจำ ๕.๕ เกิดจากความคนอง และขาดสติยั้งคิด ทั้ง ๆ ที่รู้ว่าเป็นยาเสพติด แต่อยากแสดง ความเก่งกล้า อวดเพื่อน จึงชวนกันเสพจนติด ๕.๖ ภาวะสิ่งแวดล้อมรอบตัว เอื้ออำนวยที่จะส่งเสริม และผลักดันให้หันเข้าหายาเสพติด เช่น ครอบครัวแตกแยก สมาชิกในครอบครัวขาดความเข้าใจซึ่งกันและกัน ภาวะเศรษฐกิจบีบบังคับให้ทำเพื่อความอยู่รอด อยากรวยเร็ว หรือพักอาศัยอยู่ ในแหล่งที่มีการเสพและค้ายาเสพติด ๖. โทษ/พิษภัย ของยาเสพติด การใช้ยาเสพติด มีโทษและพิษภัยรอบตัว นอกจากจะส่งผลกระทบในทางไม่ดีโดยตรงต่อตัวผู้เสพแล้ว ทั้งทางร่างกายและจิตใจ ยังส่งผลกระทบทางอ้อมไปยังครอบครัวผู้เสพ ตลอดจนเศรษฐกิจ สังคม และประเทศชาติอีกด้วย ๗. วิธีสังเกตุอาการผู้ติดยาเสพติด จะสังเกตว่าผู้ใดใช้หรือเสพยาเสพติด ให้สังเกตจากอาการและการเปลี่ยนแปลงทั้งทางร่างกาย และจิตใจดังต่อไปนี้ ๗.๑ การเปลี่ยนแปลงทางร่างกาย จะสังเกตได้จาก ๗.๑.๑ สุขภาพร่างกายทรุดโทรม ซูบผอม ไม่มีแรง อ่อนเพลีย ๗.๑.๒ ริมฝีปากเขียวคล้ำ แห้ง และแตก ๗.๑.๓ ร่างกายสกปรก เหงื่อออกมาก กลิ่นตัวแรงเพราะไม่ชอบอาบน้ำ ๗.๑.๔ ผิวหนังหยาบกร้าน เป็นแผลพุพอง อาจมีหนองหรือน้ำเหลือง คล้ายโรคผิวหนัง ๗.๑.๕ มีรอยกรีดด้วยของมีคม เป็นรอยแผลเป็นปรากฏที่บริเวณแขน และ/หรือ ท้องแขน ๗.๑.๖ ชอบใส่เสื้อแขนยาว กางเกงขายาว และสวมแว่นตาดำเพื่อปิดบังม่านตาที่ ขยาย ๗.๒ การเปลี่ยนแปลงทางจิตใจ ความประพฤติและบุคลิกภาพ สังเกตุได้จาก ๗.๒.๑ เป็นคนเจ้าอารมย์ หงุดหงิดง่าย เอาแต่ใจตนเอง ขาดเหตุผล ๗.๒.๒ ขาดความรับผิดชอบต่อหน้าที่ ๗.๒.๓ ขาดความเชื่อมั่นในตนเอง ๗.๒.๔ พูดจากร้าวร้าว แม้แต่บิดามารดา ครู อาจารย์ ของตนเอง ๗.๒.๕ ชอบแยกตัวอยู่คนเดียว ไม่เข้าหน้าผู้อื่น ทำตัวลึกลับ ๗.๒.๖ ชอบเข้าห้องน้ำนาน ๆ ๗.๒.๔ ใช้เงินเปลืองผิดปกติ ทรัพย์สินในบ้านสูญหายบ่อย ๗.๒.๕ พบอุปกรณ์เกี่ยวกับยาเสพติด เช่น หลอดฉีดยา เข็มฉีดยา กระดาษตะกั่ว ๗.๒.๖ มั่วสุมกับคนที่มีพฤติกรรมเกี่ยวกับยาเสพติด ๗.๒.๗ ไม่สนใจความเป็นอยู่ของตนเอง แต่งกายสกปรก ไม่เรียบร้อย ไม่ค่อยอาบน้ำ ๗.๒.๘ ชอบออกนอกบ้านเสมอ ๆ และกลับบ้านผิดเวลา ๗.๒.๙ ไม่ชอบทำงาน เกียจคร้าน ชอบนอนตื่นสาย ๗.๒.๑๐ มีอาการวิตกกังวล เศร้าซึม สีหน้าหมองคล้ำ ๗.๓ การสังเกตุอาการขาดยา ดังต่อไปนี้ ๗.๓.๑ น้ำมูก น้ำตาไหล หาวบ่อย ๗.๓.๒ กระสับกระส่าย กระวนกระวาย หายใจถี่ ปวดท้อง คลื่นไส้ อาเจียน เบื่ออาหาร น้ำหนักลด อาจมีอุจาระเป็นเลือด ๗.๓.๓ ขนลุก เหงื่อออกมากผิดปกติ ๗.๓.๔ ปวดเมื่อยตามร่างกาย ปวดเสียวในกระดูก ๗.๓.๕ ม่านตาขยายโตขึ้น ตาพร่าไม่สู้แดด ๗.๓.๖ มีอาการสั่น ชัก เกร็ง ไข้ขึ้นสูง ความดันโลหิตสูง ๗.๓.๗ เป็นตะคริว ๗.๓.๘ นอนไม่หลับ ๗.๓.๙ เพ้อ คลุ้มคลั่ง อาละวาด ควบคุมตนเองไม่ได้ ๘. การตรวจพิสูจน์หาสารเสพติดในร่างกาย การตรวจหาสารเสพติดในร่างกาย แบ่งออกเป็น ๒ ขั้นตอน ๘.๑ การตรวจขั้นต้น : ราคาถูก ได้ผลเร็ว มีชุดตรวจสำเร็จรูป ความแม่นยำในการตรวจปานกลาง สดวกในการนำไปตรวจนอกสถานที่ ๘.๒ การตรวจขั้นยืนยัน : เป็นการตรวจที่ให้ผลแม่นยำ แต่ใช้เวลาตรวจนาน ค่าใช้จ่ายสูง ๙. การบำบัดรักษาผู้ติดยาเสพติด การบำบัดรักษาผู้ติดยาเสพติด หมายถึง การดำเนินงานเพื่อแก้ไขสภาพร่างกาย และจิตใจของผู้ติดยาเสพติดให้เลิกจากการเสพ และสามารถกลับไปดำรงชีวิตอยู่ในสังคมได้อย่างปกติ การบำบัดรักษาผู้ติดยาเสพติด แบ่งออกเป็น ๓ ระบบคือ ๙.๑ ระบบสมัครใจ หมายถึง ผู้ติดยาเสพติดสมัครใจเข้ารับการบำบัดรักษาในสถานพยาบาลต่าง ๆ ทั้งของภาครัฐและเอกชน ๙.๒ ระบบต้องโทษ หมายถึง ผู้ติดยาเสพติดที่กระทำความผิดและถูกคุมขัง จะได้รับการบำบัดรักษา ในสถานพยาบาลที่กำหนดได้ตามกฎหมาย เช่น ทัณฑสถานบำบัดพิเศษ กรมราชทัณฑ์ กระทรวงมหาดไทย, สำนักงานคุมประพฤติ กระทรวงยุติธรรมหรือสถานพินิจและคุ้มครองเด็กกลาง กระทรวงยุติธรรม ๙.๓ ระบบบังคับบำบัด หมายถึง ผู้ที่ทางราชการตรวจพบว่ามีสารเสพติดในร่างกาย จะต้องถูกบังคับบำบัดตาม พ.ร.บ. ฟื้นฟูสมรรถภาพผู้ติดยาเสพติด พ.ศ.๒๕๓๔ ในสถานพยาบาลที่จัดขึ้นตาม พ.ร.บ. ดังกล่าว เป็นระยะเวลา ๖ เดือน และขยายได้จนถึงไม่เกิน ๓ ปี ระบบนี้ยังไม่เปิดใช้ในขณะนี้ การบำบัดรักษา และฟื้นฟูสมรรถภาพผู้ติดยาเสพติด มี ๔ ขั้นตอน คือ ๙.๑ ขั้นเตรียมการก่อนบำบัดรักษา (Pre - admission) เพื่อศึกษาประวัติภูมิหลังของผู้ติดยาเสพติดทั้งจากผู้ขอรับการรักษา และครอบครัว ๙.๒ ขั้นถอนพิษยา (Detoxification) เป็นการบำบัดรักษาอาการทางกายที่เกิดจากการใช้ยาเสพติด โดยผู้ขอรับการรักษา สามารถเลือกใช้บริการแบบผู้ป่วยนอก หรือผู้ป่วยใน ก็ได้ตามสดวก ๙.๓ ขั้นการฟื้นฟูสมรรถภาพ (Rehabilitation) เป็นการบำบัดรักษาเพื่อปรับเปลี่ยน ลักษณะนิสัย บุคลิกภาพ พฤติกรรม เพื่อให้รู้จักตนเอง และมีความเข้มแข็งในจิตใจ เพื่อให้ผู้รับการบำบัดมีความเชื่อมั่นในการกลับไปดำเนินชีวิตในสังคมได้อย่างปกติ โดยไม่หวนกลับไปเสพซ้ำอีก ๙.๔ ขั้นติดตามดูแล (After - case) เป็นการติดตามดูแลผู้เลิกยาเสพติดที่ได้ผ่านการบำบัดครบทั้ง ๓ ขั้นตอนข้างต้นแล้ว เพื่อให้คำแนะนำ แก้ไขปัญหาและให้กำลังใจผู้เลิกยาเสพติด ให้ดำเนินชีวิตอย่างปกติสุขในสังคมได้ยิ่งขิ้น ๑๐. สถานบำบัดรักษาผู้ติดยาเสพติด ผู้ติดยาเสพติด หรือ ผู้เกี่ยวข้องกับยาเสพติด สามารถขอรับการบำบัดรักษาได้ตามสถานพยาบาลต่าง ๆ ที่เป็นหน่วยงานของรัฐบาล และเอกชน ทั้งในเขตกรุงเทพมหานคร และส่วนภูมิภาค ดังต่อไปนี้ ๑. ในเขตกรุงเทพมหานคร สามารถใช้บริการได้ที่โรงพยาบาล และคลีนิกยาเสพติด ในศูนย์บริการสาธารณสุข สำนักอนามัย กรุงเทพมหานคร

พัทยา

พัทยาเป็นสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมอีกแห่งหนึ่ง ตั้งแต่อดีตจวบจนปัจจุบัน เนื่องจากพัทยาอยู่ไม่ห่างจากกรุงเทพมากนัก เหมาะสำหรับพักผ่อนวันหยุดสุดสัปดาห์ การเดินทาง ปัจจุบันสะดวกมาก ใช้เวลาไม่ถึง 2 ชม ก็ถึงชายหาดพัทยาแล้ว


หลายคนจะรู้จักพัทยามากกว่าชลบุรีซึ่งเป็นจังหวัดเสียอีก มากด้วยแหล่งบันเทิง การแสดง พิพิธภัณฑ์ เครื่องเล่น กีฬานานาชนิด ร้านค้า ร้านอาหาร และที่พลาดไม่ได้ นั่งเรือเร็ว speed boat ไปเล่นน้ำ บิดมอเตอร์ไซท์ ที่ เกาะล้าน cool! กลับมาตอนเย็นเดินเล่นห้างเซ็นทรัล(เพิ่งเปิด) สักพักหาอะไรทาน แล้วค่อยกับที่พัก
อันที่จริงแล้วผมไม่แนะนำให้ข้างคืนแถวเกาะล้าน หา ที่พักพัทยา จะสะดวกกว่า เพราะแถวเกาะล้าน จากที่ได้สำรวจมาล่าสุด ที่พักไม่ค่อยได้มาตราฐาน และไม่ติดหาด หาของทานยาก
สำหรับท่านที่เบื่อพัทยา... ขับรถเลยไปอีก 1 ชม. เลย ตัวเมืองระยองไปหน่อย ประมาณ 20 นาที ถึงท่าเรือบ้านเพ ใช่แล้วครับ เกาะเสม็ด เป็นอีกที่ๆ ทางผมแนะนำ สนใจอ่านข้อมูลเกาะเสม็ด คลิกได้เลย อย่างไรก็ตามในหน้านี้ พัทยาเป็นพระเอก ผมขอพูดแต่พัทยาจะดีกว่า
.............................................................
ข้อมูลควรรู้เกี่ยวกับพัทยา ชื่อพัทยามาจากไหน?
ตามประวัติเล่าว่า...พระเจ้าตากสินครั้นติฝ่าวงล้อมพม่ามารวบรวมพลฝั่งตะวันออก ได้หยุดพักแรมที่นาจอมเทียนและทุ่งไก่เตี้ยสัตหีบ ซึ่งภายหลังชาวบ้านเรียกตำบลนี้ว่า "ทัพพระยา" ต่ามาเรียกใหม่เป็น "ทัพธยา" และกลายเป็น "พัทยา" ในที่สุด บางคนก็เล่าว่า พัทยา มาจากชื่อของลมทะเลที่พัดจากตะวันตกเฉียงใต้ไปตะวันออกเฉียงเหนือในต้นฤดูฝนในปี พ.ศ. 2504 ระหว่างสงครามเวียดนาม ทหารอเมริกันได้เข้ามาตั้งฐานทัพในไทย และได้มาพักผ่อนเช่าบ้านพักตากอากาศที่หาดพัทยาหมุนเวียนผลัดเปลี่ยนเป็นประจำ และนี่เองเป็นจุดเริ่มต้นของสถาที่พักตากอากาศชายทะเลอันมีชื่อเสียงต่อๆมาเราอาจแบ่งพื้นที่พัทยาเป็น 4 ส่วน เพื่อความเข้าใจง่ายๆ
พัทยาเหนือ-พัทยากลางมีโรงแรมระดับห้าดาว ต้นไม้ร่มรื่น บรรยากาศค่อนข้างเงียบสงบ
ที่พักพัทยาเหนือ- Sunshine Hotel & Residences- Nantra De Boutique- Hotel Vista Pattaya- Best Western Pattaya- Longbeach Garden

ที่พักพัทยากลาง- Baron Beach Hotel Pattaya- The Montien Hotel
พัทยาใต้ที่ชายหาดมีเก้าอีผ้าใบ เครื่องเล่นชายหาด ย่านศูนย์การค้า ร้านค้า ร้านอาหาร แหล่งบันเทิงยามราตรี ผลุกผล่านมากในเวลากลางคืน มีแผงขายสิ้นค้าริมทาง เช่น เสื้อผ้า นาฬิกา เครื่องประดับ ฯลฯ
ที่พักพัทยาใต้- Manita Boutique- Momchailai Forest Retreat Pattaya
เขาพระตำหนักพัทยาอยู่ระหว่างพัทยาใต้กับหาดจอมเทียน มีทางลาดยางจนถึงยอดเขา มีสวนสาธารณะขนาดย่อม เรียกว่าสวนเฉลิมพระเกียรติ บนยอดเขามีพระพุทธสุโขทัยชลทาน และพระรูปจำลองของเสด็จเตี่ย กรมหลวงชุมพรเขตรอุดมศักดิ์ นักท่องเที่ยวนิยมไปชมทัศนียภาพของเมืองพัทยาและอ่าวพัทยา โดยเฉพาะเวลากลางคืน
ที่พักเขาพระตำหนัก (ติดหาด)- Cosy Beach- Royal Cliff
หาดจอมเทียนเป็นชายหาดยาว 6 กม ห่างจากตัวเมืองพัทยา 4 กม. น้ำทะเลยังพอสะอาด มีเครื่องเล่นกีฬาทางทะเล ที่นิยม ได้แก่ วินเซิร์ฟ ท้ายหาดค่อนข้างเงียบสงบ เหมาะแก่ผู้ที่ต้องการพักผ่อนอย่างแท้จริง
ที่พักหาดจอมเทียน- Ambassador City Jomtien- Jasmina Pool Villa- Jomtien Beach House & Spa- Nirvana Boutique- Nirvana Couture Rooms- Seaside Jomtien Beach
หาดบางเสร่ เป็นชุมชนหมู่บ้านประมง อยู่ห่างจากพัทยาประมาณ 16 กม. แยกขวาจากถนนสุขุมวิทตรงกม.ที่ 164 เข้าไปประมาณ 2 กม. ทางด้านใต้ของบางเสร่จะเป็นอ่าวน้ำลึกซึ่งเหมาะแก่การตกปลา ปลาที่ชุกชุมมาก คือ ปลาปะการัง หรือ ปลาเก๋า ส่วนทางเหนือขึ้นมาหน่อยจะมีหาดทรายสวยงามพอสมควร เล่นน้ำได้ มีเรือให้เช่าไปตกปลา ที่บางเสร่มีร้านอาหารอร่อยๆ อยู่หลายร้าน นักท่องเที่ยวนิยมเดินทางมาพักผ่อนกันเป็นจำนวนมาก
ที่พักหาดบางเสร่- Dor-Shada- Palm Glove- Ravindra Beach- Sea Sand Sun- Sunset Park- Sunset Village
..

ทุเรียน

สถานการณ์ทั่วไป ทุเรียนเป็นไม้ผลที่ให้ผลตอบแทนทางเศรษฐกิจค่อนข้างสูง และมีแนวโน้มจะขยายการส่งออกได้อีกมาก จึงถูกกำหนดให้เป็นพืชที่จะต้องเร่งรัดเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตเพื่อการส่งออกผ่านมาแม้ว่าชาวสวนทุเรียนพบกับปัญหาด้านการผลิตและการตลาดค่อนข้างมากแต่ทุเรียนยังเป็นไม้ผลที่ให้ผลตอบแทนที่ดีได้ ถ้าสามารถจัดการสวน วางแผนการผลิตและการตลาดได้อย่างมีประสิทธิภาพ
==>ลักษณะทั่วไปของพืช ทุเรียนเป็นไม้ผลยืนต้นขนาดใหญ่ชอบอากาศร้อนชื้น อุณหภูมิที่เหมาะสมอยู่ในช่วง 25 - 30 องศาเซลเซียส ความชื้นสัมพัทธ์สูงประมาณ 75 -85 % ดินที่เหมาะสมควรระบายน้ำดีและมีสภาพความเป็นกรดเป็นด่าง (ค่า pH) ประมาณ 5.5 - 6.5 และที่สำคัญควรเลือกแหล่งปลูกที่มีน้ำเพียงพอตลอดช่วงหน้าแล้ง ทุเรียนจะให้ผลผลิตหลังการปลูก 5 - 6 ปี ช่วงอายุที่ให้ผลผลิตสูงประมาณ 10 ปีขึ้นไป ผลผลิตประมาณ 80 - 110 ผล/ต้น หรือประมาณ 240 -320 กก./ตัน/ปี (คิดน้ำหนักเฉลี่ยผลละ 3 กก.) ทุเรียนเป็นไม้ผลที่มีระบบรากหาอาหารตื้นโดยอยู่ลึกจากผิวดินประมาณ 20 -30 เซนติเมตร จึงต้องการช่วงแล้วเพื่อให้เกิดสภาพเครียดก่อนออกดอกไม่นานนัก ต้นทุเรียนที่สมบูรณ์มีใบยอดแก่ ผ่านช่วงแล้งเพียง 10 -14 วัน และมีอากาศหนาวเย็นลงเล็กน้อย ทุเรียนจะออกดอก ระยะพัฒนาของดอก (ระยะไข่ปลา - ดอกบาน) ใช้เวลาประมาณ 55 - 60 วัน ระยะพัฒนาของผล (จากดอกบาน - เก็บเกี่ยว) จะแตกต่างกันในแต่ละพันธุ์ เช่น กระดุม 12 - 13 สัปดาห์ หรือประมาณ 90 วัน ชะนี 15 -16 สัปดาห์ หรือประมาณ 110 วัน หมอนทอง 18 - 19 สัปดาห์ หรือประมาณ 130 วัน อุณหภูมิที่เหมาะสมในการเก็บรักษาผลผลิต 14 -16 องศาเซลเซียส ความชื้นสัมพัทธ์ 85 - 95 % เก็บรักษาทุเรียนได้นานประมาณ 2 สัปดาห์ ถ้าอุณหภูมิต่ำกว่า 14 องศาเซลเซียส จะเกิดอาการ chilling injury ฤดูกาลของผลผลิตทุเรียนภาคตะวันออก คือ เมษายน - มิถุนายน และภาคใต้ คือ มิถุนายน - สิงหาคม
==>พื้นที่ส่งเสริม 20 จังหวัด ได้แก่ จันทบุรี ระยอง ตราด ปราจีนบุรี อุตรดิตถ์ สุโขทัย และ 14 จังหวัดภาคใต้ แหล่งผลิตที่สำคัญ ได้แก่ จันทบุรี ชุมพร ระยอง นครศรีธรรมราช และตราด

พื้นที่ปลูก
ปี 2540
ปี 2541
พื้นที่ให้ผลผลิตแล้ว
581,096 ไร่
607,009 ไร่
พื้นที่ยังไม่ให้ผลผลิต
272,810 ไร่
253,260 ไร่
พื้นที่ปลูกรวม
853,906 ไร่
860,269 ไร่

==>พันธุ์ที่ส่งเสริม หมอนทอง ชะนี กระดุม สำหรับพันธุ์พื้นเมืองที่ชนะการประกวดและมีคุณสมบัติดีเด่นเป็นที่ต้องการของผู้บริโภคในท้องถิ่นก็สามารถส่งเสริมให้ปลุกได้เช่นกัน
==>ต้นทุนการผลิต
ปีแรกที่เริ่มปลูก
2,800 บาท/ไร่
ปีที่ผลผลิตเต็มที่แล้ว
5,700 บาท/ไร่


ผลผลิต
ปี 2540
ปี 2541 (ประมาณการ)
1. ผลผลิตรวมทั้งประเทศ
963,141 ตัน
963,290 ตัน
2. ผลผลิตเฉลี่ยต่อไร่
1,657 กก./ไร่
1,313 กก./ไร่
3. ราคาผลผลิตที่เกษตรขายได้เฉลี่ยตลอดกลางฤดูกาล
20.38 บาท/กก.
22.60 บาท/กก.
4. ปริมาณการใช้ภายในประเทศ
884,632 ตัน
875,813 ตัน
5. ปริมาณและมูลค่าการส่งออก
- ปริมาณ
78,514 ตัน
87,477 ตัน
- มูลค่า
1,736.9 ล้านบาท
2,609 ล้านบาท

==>การปลูก วิธีการปลูก ทำได้ทั้งการขุดหลุมปลูกซึ่งเหมาะกับพื้นที่ค่อนข้างแล้งและยังไม่มีการวางระบบน้ำไว้ก่อนปลูก วิธีนี้ดินในหลุมจะช่วยเก็บความชื้นได้ดีขึ้น แต่ถ้ามีฝนตกชุก น้ำขังรากเน่าและต้นตายได้ง่ายส่วนการปลูกโดยไม่ต้องขุดหลุม (ปลูกแบบนั่งแท่นหรือยกโคก) เหมาะกับพื้นที่ฝนตกชุก วิธีนี้การระบายน้ำดี น้ำไม่ขังโคนต้น แต่ต้องมีการวางระบบน้ำไว้ก่อนปลูก ซึ่งต้นทุเรียนจะเจริญเติบโตเร็วกว่าการขุดหลุม ทั้งนี้จุดเน้นที่สำคัญในการปลูกทุเรียน คือ ควรใช้ต้นกล้าที่มีระบบรากดี ไม่ขดงอในถุง แต่ถ้าใช้ต้นกล้าขนาดใหญ่ก็ให้ตัดดินและรากที่ขดหรือพันตรงก้นถุงออก ระยะปลูก เนื่องจากทุเรียนเป็นผลไม้ที่มีทรงพุ่งขนาดใหญ่ เจริญเติบโตเร็ว การควบคุมขนาดทรงพุ่มทำได้ยาก ควรใช้ระยะปลูกค่อนข้างห่าง ซึ่งระยะปลูกที่แนะนำ คือ 8 - 10 x 8 - 10 เมตร สำหรับสวนขนาดใหญ่ที่จะใช้เครื่องจักรกลขนาดใหญ่แทนแรงงาน ควรเว้นระยะระหว่างแถวให้ห่างพอที่เครื่องจักรกลจะเข้าไปทำงานแต่ให้ระยะระหว่างต้นชิดขึ้น จำนวนต้นต่อไร่ ประมาณ 20 ต้น/ไร่
==>การดูแลรักษา การใส่ปุ๋ย
1. เพื่อบำรุงต้นหลังเก็บเกี่ยว ปุ๋ยอินทรีย์
20 - 50 กก./ตัน
ปุ๋ยเคมีสูตร 15-15-15 หรือ 16-16-16
1 - 3 กก./ตัน
2. เพื่อส่งเสริมการออกดอก (ช่วงปลายฝน)
ปุ๋ยเคมีสูตร 8-24-24 หรือ 9-24-24
2 - 3 กก./ตัน
3. เพื่อบำรุงผล (หลังติดผล 3 - 4 สัปดาห์)
ปุ๋ยเคมีสูตร 13-13-21 หรือ 12-12-17+2
1 - 2 กก./ตัน
4. เพื่อเพิ่มคุณภาพเนื้อและความเข้มของสีเนื้อ (หลังติดผล 7 - 8 สัปดาห์)
ปุ๋ยเคมีสูตร 0-0-50
1 - 2 กก./

การเพาะเลี้ยงปลากัด

การเพาะปลากัด
ปลากัด ปลานักรักผู้ยิ่งใหญ่ เป็นปลาที่เพาะพันธุ์ง่ายไม่ยุ่งยาก จึงเหมาะสมสำหรับผู้ที่คิดจะเพาะเลี้ยงปลาชนิดที่ออกเป็นไข่ เพื่อฝึกฝนการเลี้ยงและอนุบาลลูกปลา เอาไว้เป็นทุนในการเพาะเลี้ยงปลาชนิดอื่นที่มีราคาแพงต่อไป หรือจะเพาะเลี้ยงปลากัดเพื่อเป็นอาชืพเสริมก็ยังได้ ปลากัดเป็นปลาที่ไม่ต้องอาศัยการดูแลเอาใจใส่มากนัก มีความเป็นธรรมชาติสูง ราคาไม่แพงและเป็นปลาที่เพาะได้ตลอดปี ปลากัดเป็นปลาที่มีอวัยวะที่ช่วยหายใจพิเศษที่เรียกว่า Labyrinth เราจึงเห็นปลากัดชอบขึ้นมาหุบอากาศเพื่อหายใจ ดังนั้นปลากัดจึงสามารถอาศัยอยู่ในน้ำที่ไม่สะอาดและไม่มีอากาศได้นาน ๆ
ปัจจุบันการพัฒนาสายพันธุ์ปลากัดเป็นที่แพร่หลายในหมู่ผู้เพาะเลี้ยงเป็นอาชีพ การพัฒนาดังกล่าวนี้ทำให้ปลากัดมีสีสันมากมาย เรียกได้ว่าเกือบทุกสีแล้วในขณะนี้ บางสีมีราคาแพงมาก ถ้าผู้ที่คิดจะเพาะเลี้ยงปลากัด ขั้นเริ่มต้นขอแนะนำให้เพาะเลี้ยงปลากัดที่มีราคาไม่แพงนักเพื่อฝึกฝนการเพาะไปเรื่อย ๆ จนกระทั่งมั่นใจแล้วจึงลงทุนใช้พ่อแม่พันธุ์ที่มีราคาต่อไป มีเรื่องอ้างอิงกันมาแต่โบราณว่าปลากัดแค่มองตากันก็ท้องแล้ว ระวังนะสาว ๆ ห้ามมองตาหนุ่มที่ใหน การพบไข่ของปลาทั่วไปนั้น เมื่อปลาตัวเมียสมบูรณ์เพศแล้วรังไข่ก็จะสร้างไข่ขึ้นมาเป็นธรรมชาติ การเทียบปลาตัวผู้และตัวเมียของปลากัดเป็นการเร่งไข่ให้แก่และทำความพร้อมให้กับตัวเมียในการออกไข่ ปลาตัวเมียเองเมื่อไข่แก่เต็มที่แล้วไม่มีตัวผู้มาผสมพันธุ์ก็จะปล่อยไข่ออกมาเอง หรือบางตัวจะก่อหวอดเองและนำไข่ที่ร่วงออกมาไปไว้ในหวอดเหมือนตัวผู้เลย แต่สุดท้ายก็กินไข่เหล่านั้นเข้าไป การผสมพันธุ์ของปลากัด ปลาพ่อและแม่จะช่วยกันจนเสร็จสิ้น สุดท้ายก็กับสู่ภาวะปกติ ตัวผู้ก็จะไล่กัดตัวเมียและเริ่มดุมากขึ้น จึงจำเป็นต้องนำปลาตัวเมียออกจากบ่อเพาะเมื่อจบการผสมพันธุ์ เพื่อป้องกันการสูญเสียแม่พันธุ์ มีคนเคยกล่าวถึงการเทียบคู่ของปลากัดนั้นจะทำให้ลูกปลาที่ได้ออกมานั้นมีลักษณะสีสันเหมือนกับพ่อพันธุ์ ปลากัดที่มีสีสันเช่นนั้นอาจได้มาจากการถ่ายทอดความรู้สึกของปลาแม่พันธุ์ไปยังลูกปลา มีผู้ใช้เทคนิคเหล่านี้มาปรับเปลี่ยนโดยการวาดรูปปลากัดที่มีสีสันตามต้องการ มาตั้งเทียบปลาแม่พันธุ์ไว้ วิธีการนี้มีมานานแล้วถึงแม้ว่าไม่มีบทพิสูจน์ในทางวิชาการก็ตามแต่ก็ได้รับการยืนยันจากนักเพาะปลากัดจำนวนหนึ่งถึงผลที่ได้รับว่า ในครอกหนึ่ง ๆ จะมีลูกปลาที่มีลักษณะเหมือนภาพวาดด้วยเช่นกัน ใครสนใจจะนำไปใช้ก็ไม่มีปัญหา แต่ขอบอกใว้ว่าปลากัดต้องผสมพันธุ์กันระหว่างพ่อพันธุ์และแม่พันธุ์นะครับ ไม่ใช่มองกันอย่างเดียวก็ได้ลูกปลาแล้ว
การคัดสรรพ่อแม่พันธุ์ปลากัด ก่อนอื่นที่จะกล่าวถึงเกี่ยวกับการคัดสรรพ่อแม่พันธุ์ปลากัด เราจะต้องนึกอยู่ในใจว่าเหตุผลเช่นไรที่จะเพาะเลี้ยงปลากัด การเพาะเลี้ยงปลากัดเพื่อฝึกฝนก็ไม่จำเป็นอะไรมากนัก มีตัวผู้ 1 ตัว ตัวเมีย 1 ตัวที่สมบูรณ์ก็เพียงพอแล้ว แต่ถ้าหากต้องการเพาะเพื่อจุดประสงค์อื่น เช่นการบีบสี ก็จำเป็นจะต้องหาพ่อแม่พันธุ์ที่มีสีสันตามที่ต้องการทั้งตัวผู้ตัวเมีย หรือไม่มีก็ต้องหาตัวใดตัวหนึ่ง ซึ่งจะกล่าวถึงต่อไป การเพาะเพื่อส่งประกวด ก็จำเป็นจะต้องมีพ่อแม่พันธุ์ตรงตามสายพันธุ์ที่ต้องการ และมีความสวยงาม การเพาะเพื่อการค้า ก็จำเป็นที่จะต้องดูตลาด ว่าความต้องการขณะที่เพาะนั้นตลาดต้องการสายพันธุ์ใหนและต้องการสีอะไรอีกด้วย ดังนั้นการเพาะปลาจึงจำเป็นที่จะต้องคัดสรรพ่อแม่พันธุ์ปลากัดให้ตรงกับจุดประสงค์ที่เพาะด้วย การเลือกพ่อพันธุ์และแม่พันธุ์สิ่งที่สำคัญเป็นอันดับแรกที่ควรคำนึงถึงคือ ความสมบูรณ์ของปลา จำเป็นอย่างยิ่งที่ปลากัดที่จะนำมาผสมพันธุ์นั้นจะต้องมีความสมบูรณ์ มีสุขภาพที่แข็งแรง บางครั้งมองดูจากภายนอกก็ไม่สามารถทราบถึงความสมบูรณ์ของปลาได้ เมื่อได้ไปหาพ่อแม่พันธุ์มาจากที่ใดก็ตามจะต้องนำมาให้อาหารอย่างอุดม อีกทั้งสภาพแวดล้อมโดยรวมด้วยเช่น น้ำ ภาชนะที่ใส่ บริเวณที่วางภาชนะเลี้ยง ก็ต้องดูแลให้เป็นพิเศษด้วย เป็นต้น การเลือกพ่อแม่พันธุ์ถ้าสามารถเลือกได้ ก็จะต้องเลือกที่มีลักษณะที่แข็งแรง ไม่มีลักษณะทีครีบไม่กาง ผอมหัวโต ไม่ก่อหวอด นอนหวดตลอด และก็อย่าลืมจุดประสงค์หลักที่เพาะเพื่ออะไรด้วย
ไข่นำบริเวณใต้ท้องของแม่พันธุ์ปลากัด
การเทียบคู่ปลากัด ปลากัดเป็นปลาที่มีนิสัยค่อนข้างดุ การเพาะพันธุ์แต่ละครั้งปลาตัวผู้จะต้องแสดงลีลารักไปทางรุนแรงสักนิด แต่นี่ก็คือวิถีชีวิตของปลากัดที่จะต้องเป็นเช่นนี้ การเพาะปลากัดโดยไม่มีการเทียบเลยก็สามารถที่จะเพาะปลากัดได้ แต่ทั้งนี้อาจเกิดการสูญเสียได้ ทั้งพ่อปลาและแม่ปลา การเทียบปลาจึงจำเป็นสำหรับการเพาะปลา คือปลาทั้งตัวผู้และตัวเมียจะได้มีความคุ้นเคยกันช่วยลดความรุนแรงลงได้ส่วนหนึ่ง อีกทั้งแม่ปลาที่สมบูรณ์และมีไข่ในท้องก็เริ่มตื่นตัวและมีการเร่งไข่เหล่านั้นให้สุกงอมเต็มที่ และยอมให้ตัวผู้รัดด้วยความสมัครใจ การเทียบปลาไม่มีอะไรมากนัก เพียงแต่นำพ่อพันธุ์และแม่พันธุ์ใส่โหลคนละใบมาวางเทียบกันโดยไม่มีอะไรมาขวางกั้น ให้ปลาทั้งคู่มองเห็นกันเท่านั้น ในขั้นตอนการเทียบปลานี้นักเพาะปลากัดควรใช้การสังเกตุหลายสิ่งถึงความพร้อมในการผสมพันธุ์ โดยให้คอยสังเกตุพ่อปลาว่าเมื่อได้มีการเริ่มต้นเทียบปลา พ่อปลามีความคึกคักที่ได้เห็นตัวเมียแสดงลีลาเชิงจีบสาวแบบสุดเหวี่ยง ในไม่ช้าพ่อปลาจะเริ่มก่อหวอด ส่วนแม่พันธุ์ให้สังเกตุไข่นำที่ไต้ท้องว่ามีลักษณะยื่นออกมา มีท้องที่อูมเป่ง เมื่อเวลาพ่อปลาแสดงลีลารักเข้าหา แม่ปลาจะว่ายเข้าหาในทันทีและว่ายในลักษณะทิ่มหัวเข้าหา แสดงสีเป็นแนวขวางตามลำตัวเห็นได้ชัดเจน มีเท่านั้นหละครับแสดงว่าทั้งสองฝ่ายได้ตกลงปรงใจได้เสียกันแล้ว เทคนิคในการเทียบคู่เป็นเทคนิคของนักเพาะแต่ละคนโดยไม่มีการวางไว้ตายตัว อาทิ บางคนจะเทียบปลาโดยเอาแม่ปลาไว้ตรงกลางบ่อเพาะ ปล่อยตัวผู้ว่ายไปมาอย่างอิสระ บางคนใช้พ่อปลาตัวหนึ่งเทียบ เวลาลงรัดใช้พ่อปลาอีกตัวหนึ่ง บางท่านเทียบปลาด้วยตัวเมียกันเองนำใส่โหลวางเป็นแถวหน้ากระดาน การเทียบปลาโดยปกติแล้วควรเทียบปลาและให้อาหารทั้งพ่อปลาแม่ปลาอย่างสมบูรณ์ อีกทั้งเปลี่ยนน้ำให้ปลาสดชื่นบ้าง อย่างน้อยใช้เวลา 7 วัน ทั้งนี้ต้องคอยสังเกตุด้วยว่าปลาพร้อมผสมพันธุ์แล้วหรือไม่ บางครั้งจำนวนวันเทียบอาจจะมากหรือน้อยได้เมื่อพ่อแม่พันธุ์ปลาพร้อมที่จะทำการผสมพันธุ์ สำหรับนักเพาะปลากัดรุ่นใหม่ขอแนะนำให้ใช้พ่อแม่พันธุ์ที่มีอายุสักนิด และใช้เวลาเทียบปลาจนกระทั่งพร้อมเต็มที่ ด้วยเหตุผลที่ว่าลูกปลาที่ได้เมื่อฟักออกมาจะมีลักษณะค่อนข้างตัวโตและแข็งแรง ส่วนแม่ปลาที่มีอายุน้อยเมื่อนำมาเพาะ หรือไข่ยังไม่สุขเต็มที่ ลูกปลาที่ได้จะไม่ค่อยแข็งแรงและอาจตายยกครอกได้
การเตรียมสถานที่เพาะปลากัด ขณะเมื่อทำการเทียบคู่ปลากัดอยู่ต้องคำนวนระยะเวลาการเทียบปลาให้ใกล้เคียงกับการเตรียมภาชนะเพาะปลาด้วย ไม่ว่าจะเป็นกะละมัง บ่อรอง ฯลฯ ส่วนการใช้น้ำที่ใส่ในภาชนะเพาะไม่ควรจะเป็นน้ำที่แก่จัด (น้ำที่กักเก็บมานานวัน) ควรจะเป็นน้ำใหม่ที่ไม่มีสารพิษเจือปนเท่านั้น โดยทั่วไปก็ใช้น้ำประปาใส่ภาชนะข้ามคืนก็พอแล้ว มีนักเพาะบางท่านเคยกล่าวไว้ว่าการใส่ใบหูกวางลงไปสักนิดหน่อยในภาชนะเพาะเพื่อปรับค่ากรด-ด่าง ช่วยให้ได้ปลาตัวผู้มากกว่าตัวเมีย ผมเคยลองแล้วก็ได้ผลดีทีเดียว ปลากัดชอบก่อหวอดและวางไข่ริมตลิ่งที่น้ำไม่ลึกมาก การเติมน้ำลงในภาชนะเพาะก็ไม่ควรเติมน้ำลงไปมากนัก เติมเพียง 15 ซ.ม. ก็ถือว่าเพียงพอแล้ว การเตรียมสภาพแวดล้อมก็มีส่วนช่วยให้การเพาะฟักให้เป็นไปด้วยดี เคยได้กล่าวไว้แล้วว่าปลากัดเป็นปลาที่ความเป็นธรรมชาติสูง การเตรียมสภาพแวดล้วมทั้งในภาชนะเพาะและบริเวณที่ใช้เพาะก็ต้องคำนึงถึงด้วย ผลสำเร็จในการเพาะปลากัดก็เป็นไปได้สูง กล่าวคือในภาชนะที่ใช้เพาะนอกจากน้ำที่ดีแล้วควรใส่ความเป็นธรรมชาติลงไปด้วย เช่น ใส่สาหร่ายและใบไม้ลอยบนผิวน้ำไว้ ไม่ว่าจะเป็นใบมะยม ใบบอน เพื่อให้พ่อปลาไว้ก่อหวอด และนำภาชนะเพาะไปไว้ในที่สงบ ๆ เท่านั้นเป็นอันเสร็จสิ้น

การรัดไข่ของปลาพ่อพันธุ์และแม่พันธุ์
การเพาะปลากัด เมื่อได้เตรียมทุกอย่างเสร็จสิ้นแล้ว ไม่ว่าจะเป็นการเทียบคู่ การเตรียมภาชนะและบรรยากาศต่าง ๆ ในการเพาะฟัก มาถึงขั้นตอนการการปล่อยพ่อปลาและแม่ปลาลงเพาะ เมื่อมั่นใจแล้วว่าปลาทั้งคู่พร้อมแล้วที่จะทำการผสมพันธุ์ ให้นำพ่อปลากัดปล่อยลงในภาชนะเพาะก่อนแล้วปล่อยให้สำรวจสถานที่ไปจนพ่อปลาแน่ใจและหาที่ก่อหวอดสร้างรังได้ในภาชนะเพาะ หลังจากนั้นช่วงเวลาใกล้ค่ำให้ปล่อยปลาแม่ปลาลงไป ปลาพ่อพันธุ์จะพองเข้าใส่แม่ปลา และไล่กัดบ้างบางครั้ง ไม่ต้องตกใจโดยธรรมชาติของปลากัดเป็นเช่นนั้น ปลาแม่พันธุ์ที่พร้อมที่จะผสมพันธุ์จะไม่หนีและทำหน้าตาน่ารักเป็นเชิงบอกว่า ยอมแล้วจ้าที่รัก อย่าลืมปิดภาชนะที่ใช้เพาะให้มิดชิดเพื่อไม่เป็นการรบกวนคู่บ่าวสาว เมื่อพระอาทิตย์ตกแล้วพ่อปลาก็จะเริ่มก่อหวอดในบริเวณที่ได้สำรวจไว้แล้วตอนหัวค่ำ พอรุ่งเช้าปลาทั้งสองก็จะจูงมือกันเข้าใต้หวอดทำการผสมพันธุ์กัน การผสมพันธุ์ของปลากัดใช้ในลักษณะตัวผู้งอตัวบริเวณท้องของตัวเมียเพื่อปล่อยน้ำเชื้อส่วนตัวเมียก็ปล่อยไข่ออกมาเพื่อทำการผสม เรียกการทำเช่นนี้ว่าการรัดปลา ไข่เมื่อถูกปล่อยออกมาและผสมกับน้ำเชื้อแล้วจะจมลงสู่ก้นภาชนะ พ่อปลาก็จะตามลงไปอมไข่เหล่านั้นแล้วไปพ่นไว้ในหวอด ขั้นตอนนี้บางครั้งเราอาจจะเห็นแม่ปลาช่วยอมไข่ไปพ่นไว้ในหวอดด้วย ในช่วงนี้เรียกว่าช่วงแห่งความรัก จะไม่มีการทำร้ายกัน หรือทำลายไข่แต่อย่างไร ปลาทั้งสองจะทำการผสมพันธุ์กันไปจนกระทั่งเสร็จ ครั้งหนึ่งอาจกินเวลานานขึ้นอยู่กับจำนวนไข่ และน้ำเชื้อของพ่อพันธุ์ อาจใช้เวลาถึง 4 ชั่วโมงเลยทีเดียว เมื่อเสร็จสิ้นขั้นตอนการผสมพันธุ์แล้ว แม่ปลาที่ผ่านการรัดจะรู้สึกหิวและอ่อนเพลีย และในขณะนั้นก็มีแต่เพียงไข่ของตัวเองที่ได้ปล่อยออกมาเท่านั้น แต่ไม่ต้องห่วงครับปลาพ่อปลาคอยดูแลอยู่อย่างใกล้ชิด จะไม่มีผู้ใดมาทำอันตรายกับไข่ได้ พ่อปลาจะทำการไล่แม่ปลาออกไปให้พ้นบริเวณ เราจึงสมควรช้อนแม่ปลาออกจากภาชนะเพาะ โดยสังเกตุง่าย ๆ แม่ปลาจะอยู่ห่างจากบริเวณหวอดเรียกได้ว่าตรงกันข้ามเลยเพราะกลัวพ่อปลาทำร้าย และแล้วขั้นตอนการเพาะปลาก็เสร็จสิ้นลง ให้ปล่อยพ่อปลาดูแลไข่ในภาชนะเพาะต่อไปจนกว่าลูกปลาจะสามารถว่ายน้ำได้แข็งแรง การที่ต้องปล่อยให้พ่อปลาดูแลอยู่นั้นเพราะลูกปลาเมื่อฟักออกจากไข่ยังไม่สามารถว่ายน้ำได้ อาจร่วงลงก้นภาชนะได้ ในที่สุดก็จมน้ำตาย ลูกปลายังคงต้องอาศัยอากาศในหวอดเพื่อหายใจ เมื่อลูกปลาจมลงสู่ก้นภาชนะพ่อปลาก็จะตามลงไปอมและนำกลับไปพ่นไว้ในหวอด อีกทั้งยังคอยเติมหวอดขยายใหญ่ขึ้นตลอดเวลา ด้วยเหตุฉะนี้จึงจำเป็นต้องปล่อยพ่อปลาทิ้งไว้สักระยะหนึ่ง ข้อควรระวังอย่าเอาอะไรไปกวนไข่ในหวอดเด็ดขาด ไม่ว่าจะอยากรู้เพียงใด การกระทำเช่นนี้อาจทำให้ไข่ร่วงลงสู่ก้นภาชนะ หรือเมื่อฟักเป็นตัวแล้วอาจพิการได้ ท่านที่พึ่งเริ่มเพาะควรระวังข้อนี้ไว้ให้ดี

ปลากัดตัวเมียว่ายน้ำเข้าหา ปลากัดตัวผู้เริ่มก่อหวอด

ปลากัดทั้งคู่เข้าใต้หวอดพร้อมผสมพันธุ์ ปลากัดทั้งคู่เริ่มรัดกัน

ปลาตัวผู้อมไข่ที่รัดได้ไปพ่นในหวอด ลูกปลาที่ฟักเป็นตัว
ข้อควรคำนึงสำหรับนักเพาะปลากัด เมื่อจับปลาพ่อแม่พันธุ์ปลากัดลงในอ่างเพาะแล้วให้คอยสังเกตุ ถ้าปลาตัวผู้ไม่แสดงอาการเกี้ยวพาราสีปลาตัวเมีย และไม่ยอมก่อหวอด อาจมีส่าเหตุมาจากหลายด้านด้วยกัน เช่นปลาตัวผู้นั้นมีอายุมากเกินไป หรือมีสุขภาพไม่แข็งแรง ตามความเป็นจริงแล้วปลากัดตัวผู้ที่มีความพร้อมจะก่อหวอดและรู้หน้าที่ของตัวเอง ถ้าไม่เป็นเช่นนั้นควรนำปลาตัวผู้นั้นออก นำไปพักและคอยดูแลเพื่อที่จะนำไปผสมใหม่อีกครั้ง ปลากัดตัวผู้ที่ไม่เคยนำมาผสมพันธุ์เลย ไม่มีประสบการณ์ในการผสมพันธุ์ หรือมีอายุน้อยเกินไป อาจทำให้ปลาตัวผู้นั้นไล่กัดปลาตัวเมีย โดยไม่คิดผสมพันธุ์ เราจึงต้องใช้ปลาตัวเมียที่ได้ผ่านการผสมพันธุ์มาแล้วจับคู่แทน ปลากัดตัวผู้ที่มีนิสัยก้าวร้าวเกินไป ไม่เหมาะสมที่จะนำมาเป็นพ่อพันธุ์ การที่ปลาทั้งสองจะผสมพันธุ์กันได้นั้นจะต้องอาศัยความร่วมมือกันอย่างดี ปลากัดตัวผู้ไล่กัดตัวเมียก่อนผสมพันธุ์เป็นเรื่องปกติ และจะหยุดลงเมื่อปลาตัวผู้ได้ก่อหวอดเสร็จเรียบร้อย และฝ่ายตัวเมียก็จะว่ายน้ำในท่าหัวดิ่งเข้าหาอยู่ใต้หวอด ไม่มีการตอบโต้เมื่อตัวผู้แว้งเข้าใส่ ปลากัดตัวเมียที่ไล่กัดปลาตัวผู้ มีสาเหตุมาจากปลาตัวเมียนั้นมีนิสัยที่ก้าวร้าวไม่เหมาะสมที่จะนำมาเป็นแม่พันธุ์อีกเช่นกัน ปลาตัวเมียที่ตัวใหญ่กว่าตัวผู้ หรือไม่พร้อมที่จะผสมพันธุ์ อาจไม่ยอมผสมพันธุ์และไล่กัดปลาตัวผู้ หรือถูกตัวผู้ไล่กัดเพื่อให้ยอมผสมพันธุ์ เราควรแยกปลาออกจากกัน เพื่อป้องกันการสูญเสีย ถ้าต้องการปลาทั้งคู่นั้นเป็นพ่อแม่พันธ์ควรเทียบคู่ให้นานขึ้น หรือเปลี่ยนจับคู่ให้ใหม่แทน การเพาะพันธุ์ปลากัดจึงควรทำตามขั้นตอน โดยผ่านการเทียบคู่จนกระทั่งสุกงอม ปลากัดที่มีปฏิกริยาต่อกันเวลาเทียบคู่จะสังเกตุได้ว่าปลาทั้งคู่จะว่ายเข้าหากัน ปลาตัวผู้แสดงอาการคึกคักในไม่ช้าก็ก่อหวอด ถ้าไม่ก่อหวอดหรือไม่คึกคักควรเปลี่ยนปลาตัวผู้นั้นเสีย ดังนั้นผู้ที่จะทำการเพาะพันธุ์ปลากัดจึงควรคำนึงถึงพ่อแม่พันธุ์ในด้านความเหมาะสมเป็นข้อหลัก และความพร้อมในการผสมพันธ์ ไม่ต้องรีบร้อนผสมพันธุ์ ปลากัดเป็นปลาที่เพาะพันธุ์ง่ายแค่ข้ามคืนเราก็จะได้ไข่ปลาที่พร้อมจะเป็นลูกปลา นับร้อยนับพัน จึงควรพิถีพิถันในขั้นตอนนี้อย่างจริงจัง เพื่อไม่ไห้ผิดพลาด เพราะเมื่อไม่สำเร็จอาจท้อถอย เสียทั้งเวลาหรืออาจหมดกำลังใจ

นกกรงหัวจุก

นกกรงหัวจุก (การดูแลเลี้ยงดู)
เรื่องราวของนกกรงหัวจุกในฉบับที่แล้วซึ่งได้กล่าวเกี่ยวกับเรื่องราวทั่วๆ ไปของนกกรงหัวจุก ต่อไปก็ขอเข้าเรื่องของการดูแลเลี้ยงดูนกกรงหัวจุกว่ามีความยากง่ายเพียงไรครับนกกรงหัวจุกเป็นนกที่มีอายุยืน นกที่เลี้ยงอาจมีอายุยืนถึง 18 ปี การเลี้ยงนกกรงหัวจุกต้องมีวัสดุอุปกรณ์ต่างๆ ประกอบการเลี้ยง ซึ่งได้แก่ กรงของนกกรงหัวจุก มีทั้งกรงรวมซึ่งเป็นกรงขนาดใหญ่สำหรับพักนกที่จับมาขาย หรือเป็นกรงสำหรับให้นกบินออกกำลังกาย กรงเลี้ยงแบบธรรมดา กรงให้นกผลัดขน และกรงที่นำไปแข่ง ถ้วยใส่น้ำ ถ้วยใส่อาหาร ที่รองถ้วยน้ำถ้วยอาหาร ห่วงกลม สำหรับให้นกกระโดดเกาะ ตะขอแขวนผักผลไม้ ใช้ติดในกรงนก 2 อันต่อ 1 กรง คอนเกาะ ผ้าคลุมกรงนก เพื่อไม่ให้นกตกใจต่อสิ่งรอบข้างที่แปลกใหม่ ป้องกันไม่ให้ลมโกรกถูกตัวนก หรือป้องกันไม่ให้ศัตรูมาทำร้าย ถาดรองขี้นก หัวกรง ตะขอแขวนกรง ตุ้มขากรง ขันสำหรับให้นกอาบน้ำในกรง
สำหรับวิธีการเลี้ยงนกกรงหัวจุกระยะต่างๆ มีดังนี้ การเลี้ยงดูลูกนกเกิดใหม่ ลูกนกที่เกิดใหม่ มีวิธีการให้อาหารคือ 1. อาหารลูกไก่ทำให้ละเอียด 2. กล้วยน้ำว้าเละ 3.หนอนนก
การป้อนอาหารจะป้อนสลับกันไป ถ้าหากลูกนกยังร้องอยู่ก็แสดงว่าลูกนกยังไม่อิ่ม ให้ป้อนอาหารจนกว่าลูกนกจะหยุดร้อง หรือดูว่าลูกนกกินอาหารมากพอสมควรแล้วก็หยุดป้อนนอกจากป้อนอาหารแล้ว ต้องป้อนน้ำและหัดให้ลูกนกกินอาหารเองบ้าง จนอายุ 15 - 20 วัน ขึ้นไปก็สามารถแยกลูกนกไปไว้ในกรงเดี่ยว และให้แขวนใกล้ลูกนกตัวอื่นๆ เพื่อไม่ให้ลูกนกตื่นกลัวการเลี้ยงดูลูกนกในกรง ลูกนกในกรงเริ่มกินอาหารเองได้แล้ว และมีสุขภาพแข็งแรง เมื่ออายุได้ประมาณ 40 วัน ขนจะขึ้นทั่วตัว สีขนของนกจะเปลี่ยนเป็นสีเทา เมื่อนกอายุได้ 100 - 120 วันขึ้นไป นกจะเริ่มผลัดขน ขนจะเปลี่ยนเป็นสีขาวสีน้ำตาล ต่อมาจะมีขนแดงใต้ตาและมีแก้มสีขาว มีแถบดำที่เรียกว่าสร้อยคอ ขนใต้หางจะเปลี่ยนเป็นสีแดงส้ม ระยะนี้ต้องให้อาหารนกกินให้สมบูรณ์การเลี้ยงนกหนุ่ม เมื่อนกกรงหัวจุกผลัดขนจนเป็นนกหนุ่มที่สมบูรณ์แล้ว ส่วนต่างๆ ของร่างกายจะแข็งแรงเจริญเติบโตและสมบูรณ์ดี ช่วงอายุนกหนุ่มขึ้นไปจะมีการผลัดขนปีละ 1 ครั้งขึ้นไป ขณะผลัดขนควรจะนำนกไปไว้ในกรงผลัดขน ซึ่งกรงจะใหญ่กว่ากรงเลี้ยงธรรมดา หรืออาจปล่อยไว้ในกรงพักนกใหญ่ก็ได้ ในช่วงผลัดขน นกจะไม่ร้องถ้าร้องก็ร้องเพียงเล็กน้อยจนกว่าจะผลัดขนหมดจึงจะเริ่มร้อง นกหนุ่มจะร้องเพลงได้เมื่อมีอายุประมาณ 1 ปี การเลี้ยงนกกรงหัวจุกที่อ้วน เมื่อเริ่มเลี้ยงใหม่ๆ มักจะให้อาหารแก่นกเป็นอย่างดี เพราะนกเมื่อได้มาใหม่จะผอม จึงเป็นสาเหตุให้นกอ้วนเกินไป ส่งผลให้นกขี้เกียจกระโดดออกกำลังกาย ขี้เกียจร้อง ดังนั้น จึงต้องลดความอ้วนของนกลง โดยการให้อาหารให้น้อยลงโดยเฉพาะอาหารพวก กล้วยน้ำว้า อาหารเม็ด และหนอนนก เพราะอาหารพวกนี้จะมีโปรตีนแลไขมันสูง ควรงดการให้สักระยะหนึ่งจนกว่านกจะผอมลง ต้องให้อาหารจำพวก มะละกอสุก ลูกตำลึงสุก เพื่อให้นกถ่ายอุจจาระบ่อยๆ และให้นำนกไปตากแดดมากขึ้นอาหาร นกกรงหัวจุกชอบกินผลไม้และพืชผักเป็นหลัก นอกจากนี้ยังชอบกินหนอน ตั๊กแตน และแมลงอื่นๆ ซึ่งเป็นอาหารโปรตีน เพื่อทำให้ร่างกายเจริญเติบโต หากเป็นอาหารเม็ด ควรใช้อาหารลูกไก่เพราะจะมีโภชนาการครบถ้วน
อาหารต่างๆ มีดังนี้ ผลไม้ ได้แก่ กล้วยน้ำว้าสุก มะละกอสุก ส้มเขียวหวาน ฝรั่งสุก มะม่วงสุก พุทราสุกพืชผัก ได้แก่ ลูกตำลึง มะเขือเทศ แตงกวา พริกขี้หนูแดง บวบหนอนและแมลง ได้แก่ หนอนนก ไข่มดแดง ปลวก จิ้งหรีด ตั๊กแตน แมลงเม่า เป็นอาหารโปรตีน ทำให้นกเจริญเติบโตได้เร็ววันที่ 15 - 21 กันยายน 2551 อาหารเม็ด ใช้อาหารสำหรับลูกไก่ ควรเสริมให้นกกินเป็นบางครั้งบางคราว ผู้เลี้ยงควรเปลี่ยนอาหารสลับกันไปเช่น เป็นผลไม้บ้าง พืชผักบ้าง หนอนนกบ้าง และอาหารเม็ดบ้างใบพืช ได้แก่ ใบมะขาม ใบผักหวาน ใบตำลึงเมล็ดพืช เช่น เมล็ดธัญพืช เมล็ดทานตะวัน เมล็ดเกาลัด และพวกถั่ว เป็นต้น
อาหารพิเศษ ใช้เป็นอาหารเสริมจากอาหารหลัก เพื่อให้นกมีความแข็งแรงสมบูรณ์ คึกคัก หรือช่วยรักษาอาการป่วย ปกติจะให้อาหารเสริมแก่นกตัวพิเศษที่เลี้ยงไว้แข่งขัน เช่น ข้าวสวยสุกผสมแกงส้มภาคใต้ พริกสดแช่น้ำผึ้ง กระดองปลาหมึก ทราย แท่งไอโอดีน วิตามิน เป็นต้น
อาหารผสม เป็นอาหารจำพวกเมล็ดพืชผสม มีความหลากหลายของสารอาหาร เช่น คาร์โบไฮเดรต ไขมันโปรตีน วิตามินและแร่ธาตุต่างๆ ซึ่งจะมีส่วนผสมของถั่ว ผักและผลไม้แห้ง และควรเสริมด้วยผักและผลไม้ให้นกด้วยการให้อาหาร ควรให้อาหารเป็นเวลา อย่าให้พร่ำเพรื่อหรือหลายอย่างพร้อมกัน เพราะถ้านกกินอิ่มมากเกินไปจะทำให้ท้องเสีย ควรให้นกกินอาหารหลากหลายชนิดจนเกิดความเคยชินการให้น้ำ ควรมีน้ำที่สะอาดให้นกอย่างเพียงพอตลอดเวลาวิธีการดูแลนกกรงหัวจุกในตอนเช้า ให้เปลี่ยนอาหารนก โดยผ่ากล้วยน้ำว้าสุก มะละกอสุก มะเขือเทศสุก ลูกตำลึงสุก แตงกวา บวบออกเป็นครึ่งลูก หรือทำเป็นชิ้น ๆ ถ้าเป็นลูกตำลึงสุกก็ให้ทั้งลูก การให้อาหารควรจะสลับกันไปวันละ 2 ชนิด เพื่อกันไม่ให้นกเบื่ออาหาร สำหรับอาหารเม็ดก็ใส่ไว้ในถ้วยอาหาร อาจไม่ต้องให้ทุกวันเมื่อเปิดกรงนกหัวจุก ให้สังเกตดูขี้นก หากขี้นกเป็นแบบขี้จิ้งจก คือเป็นเม็ดสีขาวดำแสดงว่าปกติ แต่ถ้ามีลักษณะเหลว หรือเป็นน้ำ ก็แสดงว่านกป่วยต้องรีบรักษาทันทีการให้น้ำ ให้เปลี่ยนน้ำใหม่ใส่ให้เกือบเต็มถ้วย เพราะน้ำเก่าอาจจะสกปรกการนำนกกรงหัวจุกไปตากแดด เพื่อให้นกได้กระโดดไปมาออกกำลังกาย และเพื่อให้นกร้อง ให้ตากแดดตั้งแต่ตอนเช้าจนถึงตอนบ่าย
ข้อควรระวัง คือ อย่าแขวนนกที่มีอายุน้อยใกล้กับนกที่มีอายุมากเพราะจะถูกข่มขู่ ลูกนกและนกหนุ่ม ควรค่อย ๆ เพิ่มเวลาแขวนตากแดดวันละ 1 ชั่วโมง เป็นวันละ 2 ชั่วโมง และตากแดดไว้นานขึ้นจนนกเคยชิน เพราะเวลานำนกกรงหัวจุกเข้าประกวดแข่งขันต้องใช้เวลา 5 - 6 ชั่วโมง ในการประกวด ซึ่งนกต้องตากแดดตลอดเวลา หลังจากให้นกตากแดดตั้งแต่เช้าจนถึงบ่าย ก็ให้เก็บนกและกรงนกไว้ในที่ร่ม ทำความสะอาดกรง ตะขอที่เกี่ยวอาหาร ถ้วยใส่น้ำถ้วยใส่อาหารเม็ด ล้างถาดรองขี้นก ให้อาหารและน้ำนกเช่นเดิม ให้นกอาบน้ำ โดยนำขันอาบน้ำใส่ไว้ในกรง ใส่น้ำลงไปนกก็จะอาบน้ำเอง ถ้านกตัวไหนไม่ชอบอาบน้ำ ก็จะใช้สเปรย์ฉีดน้ำเป็นฝอยให้ทั่วตัวนก เสร็จแล้วเทน้ำที่ขันอาบน้ำนกทิ้งแล้วคว่ำขันลงทิ้งไว้ในกรงนก เมื่อได้อาบน้ำแล้วนกจะมีความสุข อารมณ์ดี และร้องเพลงได้ดีหลังจากนั้นให้นำนกไปแขวนไว้ที่ชายคาบ้าน หรือราว หรือกิ่งไม้ไว้เหมือนเดิม เวลาประมาณ 15.00 - 16.00 น.ซึ่งจะเป็นแดดอ่อนๆ ไม่แรงมากนัก ให้นกได้ตากแดดอีกครั้ง ประโยชน์ของการตากแดดเพื่อให้นกสังเคราะห์วิตามินดีช่วยให้กระดูกแข็งแรง และเพื่อให้นกขนแห้งสนิท ฟูสวยงามเป็นเงาและไม่คันตัว กรงนกก็จะแห้งและไม่ขึ้นรา อายุการใช้งานของกรงก็นานขึ้น หลังจาก 16.00 น. ในช่วงใกล้ค่ำให้เก็บนกเข้าบ้าน ปิดผ้าคลุมกรงเพื่อให้นกพักผ่อนจังหวัดพิจิตรของเรามีการเลี้ยงนกกรงหัวจุกแทบทุกอำเภอ โดยเฉพาะที่อำเภอสากเหล็ก ตะพานหินและอำเภอเมือง และได้มีการจัดตั้งชมรมนกกรงหัวจุกขึ้น จะเห็นว่าการดูแลนกกรงหัวจุกนั้นไม่ยากหากเรามีความตั้งใจและรักที่จะเลี้ยง หากท่านใดสนใจการเลี้ยงนกกรงหัวจุกลองหารายละเอียดเพิ่มเติมได้จากจากเอกสารอ้างอิงจะครับ

นกกรงหัวจุก